แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 443 ซึ่งให้สิทธิผู้ขาดไร้อุปการะตามกฎหมายที่จะฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนได้นั้น ต้องเป็นกรณีที่ผู้ทำละเมิดทำให้เขาถึงตาย หากมีการทำละเมิดแต่ไม่ถึงตาย ผู้ทำละเมิดก็ไม่ต้องรับผิดต่อผู้ที่อ้างว่าขาดไร้อุปการะ
โจทก์บรรยายฟ้องขอให้จำเลยรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 443 โดยคำฟ้องไม่มีข้อความให้รับผิดตามมาตราอื่น และแถลงร่วมกับจำเลยให้ถือเอาผลของคำพิพากษาฎีกาซึ่งจำเลยถูกฟ้องในคดีอาญาที่เกี่ยวเนื่องกันเป็นหลักเกณฑ์ให้ศาลกำหนดค่าเสียหายโดยต่างไม่สืบพยาน ปรากฏในคำพิพากษาฎีกาดังกล่าว ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายผู้ตายถึงบาดเจ็บตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามฟ้อง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟังไม่ได้ถนัดว่าจำเลยเป็นผู้ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย คดีลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาไม่ได้ พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ได้ความดังนี้ จำเลยย่อมไม่มีความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 443 และไม่มีทางที่จะถือเอาคำพิพากษาฎีกา ดังกล่าวมาพิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกทำร้ายนายบุญเรือนถึงแก่ความตายเป็นเหตุให้โจทก์ต้องสูญเสียผู้อุปการะเลี้ยงดู ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายทดแทนเป็นเงิน 15,000 บาท
จำเลยให้การปฏิเสธ
ชั้นพิจารณา คู่ความแถลงร่วมกันขอให้ถือเอาผลแห่งคำพิพากษาฎีกาในคดีอาญาแดงที่ 676/2499 เป็นหลักเกณฑ์กำหนดค่าเสียหายในคดีนี้และขอให้ศาลเป็นผู้วินิจฉัยค่าเสียหายและต่างแถลงไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าทดแทนและค่าอุปการะเลี้ยงดูแก่โจทก์ เป็นเงิน 10,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องขอให้จำเลยรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 443 ไม่มีข้อความให้รับผิดตามมาตราอื่น ความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 443 ซึ่งให้สิทธิผู้ขาดไร้อุปการะตามกฎหมายที่จะฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนได้นั้นต้องเป็นกรณีที่ผู้ทำละเมิดทำให้เขาถึงตาย หากมีการละเมิดแต่ไม่ถึงตาย ผู้ทำละเมิดก็ไม่ต้องรับผิดต่อผู้ที่อ้างว่าขาดไร้อุปการะ คดีนี้ คู่ความแถลงรวมกันให้ถือเอาผลของคำพิพากษาฎีกาในคดีอาญาแดงที่ 676/2499 เป็นหลักเกณฑ์ กำหนดค่าเสียหายในคดีนี้และให้ศาลเป็นผู้วินิจฉัยค่าเสียหาย คำพิพากษาฎีกาที่คู่ความอ้างอิงนั้น ก็คือคำพิพากษาฎีกาที่ 1115/2501 ปรากฏในคำพิพากษานั้นว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่านายแก้วดีจำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายนายบุญเรืองถึงบาดเจ็บตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254 ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 59 คงจำคุก ปี 4 เดือน โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟังไม่ได้ถนัดว่าจำเลยเป็นผู้ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย คดีลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาไม่ได้พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อคำพิพากษาของศาลฎีกาชี้ขาดว่าจำเลยนี้มิได้ทำให้นายบุญเรืองถึงแก่ความตายแล้ว จำเลยก็ไม่มีความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 443คดีไม่มีทางที่จะถือเอาคำพิพากษาฎีกาดังกล่าวมาพิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์อย่างใดได้
พิพากษายืน