คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2961/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายเป็นอัมพาตไม่สามารถช่วยตัวเองได้และจำเลยมีโอกาสใช้ขวดเบียร์แตกเป็นปากฉลามเป็นอาวุธเลือกแทงอวัยวะสำคัญที่อาจทำให้ผู้เสียหายถึงตายได้ แต่จำเลยกลับแทงไปที่ใบหน้าผู้เสียหายถูกจมูกแหว่งหายไปครึ่งซีก ทั้งจำเลยก็ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองที่จะฆ่าผู้เสียหาย แต่จำเลยกระทำไปเพราะความมึนเมา จำเลยจึงมีเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้นหาได้มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ขวดเบียร์ซึ่งแตกเป็นปากฉลามเป็นอาวุธแทงผู้เสียหายที่ใบหน้า ทำให้จมูกฉีกแหว่งหายไปครึ่งซีก โดยเจตนาฆ่าแต่การกระทำไม่บรรลุผล เนื่องจากแพทย์นำการรักษาพยาบาลได้ทัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 จำคุก 10 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 จำคุก 3 ปี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยให้ขวดเบียร์แตกเป็นปากฉลามเป็นอาวุธแทงทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ถูกจมูกแหว่งหายไปครึ่งซีก ผู้เสียหายเป็นอัมพาตไม่สามารถช่วยตัวเองได้จำเลยมีโอกาสเลือกแทงอวัยวะสำคัญที่อาจทำให้ผู้เสียหายถึงตายได้ แต่จำเลยกับแทงไปที่ใบหน้า จำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้เสียหายมาก่อน จึงไม่มีเหตุที่จะฆ่าผู้เสียหาย จำเลยกระทำไปเพราะความมึนเมา การกระทำของจำเลยเป็นเพียงเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น หาได้มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายไม่ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย คงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัสตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
พิพากษายืน.

Share