คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3027/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่บุคคลภายนอกส่งเงินที่โจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งอายัดไว้ชั่วคราวมาตามคำบังคับของศาลตามที่โจทก์ขอ หลังจากที่ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วนั้น เงินดังกล่าวจึงเป็นเงินที่เจ้าพนักงานได้ยึดหรืออายัดไว้ตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ แพ่ง มาตรา 290 แม้คดีนี้ศาลชั้นต้นจะได้มีคำสั่งให้รวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันกับคดีของโจทก์คดีอื่นและศาลออกคำบังคับในวันเดียวกันก็ตามแต่เมื่อโจทก์คดีอื่นมิได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยหนี้ตามมาตรา 290 โจทก์คดีอื่นจึงไม่มีสิทธิที่จะได้รับส่วนเฉลี่ยจากเงินนั้นแต่อย่างใดดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำบัญชีส่วนเฉลี่ยของเจ้าหนี้อื่นตามมาตรา 319 จึงเป็นการไม่ชอบ.

ย่อยาว

ชั้นเดิม คดีนี้รวมการพิจารณาพิพากษาเข้ากับคดีอื่นของศาลแรงงานกลางรวม ๑๐ สำนวน โจทก์ ในสำนวนนี้คือโจทก์ที่ ๙ เฉพาะสำนวนของโจทก์ที่ ๘ โจทก์ที่ ๙ และโจทก์ที่ ๑๐ ศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลางให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ที่ ๘ จำนวน ๖๓,๐๑๙ บาท แก่โจทก์ที่ ๙ จำนวน ๗๔๕,๒๐๐ บาท แก่โจทก์ที่ ๑๐ จำนวน ๑๘๔,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยเฉพาะสำนวนของโจทก์ที่ ๙ ศาลแรงงานกลางได้ออกหมายอายัดชั่วคราวตามคำขอของโจทก์ที่ ๙ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๕๔, ๒๕๕ และ ๒๖๖ ในวันเดียวกับที่โจทก์ยื่นคำฟ้อง โดยห้ามมิให้บริษัทไทยเชลล์ ฯลูกหนี้ของจำเลยชำระเงิน ๗๔๕,๒๐๐ บาทแก่จำเลย หลังจากศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลางแล้ว บริษัทไทยเชลล์ ฯ ได้ส่งเงินจำนวน ๖๘๓,๓๔๘.๔๐ บาท (โดยหักภาษี ณ ที่จ่ายสำหรับจำนวนเงิน๗๔๕,๒๐๐ บาท) มายังศาลแรงงานกลาง ตามหมายอายัดชั่วคราวและตามคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดี โจทก์ที่ ๙ จึงขอรับเงิน ๖๘๓,๓๔๘.๔๐ บาท จากศาลแรงงานกลาง แต่ศาลแรงงานกลางเห็นว่าคดีต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๑๙ จึงสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำบัญชีส่วนเฉลี่ยแล้วปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๑๙
โจทก์ที่ ๙ อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า การที่บริษัทไทยเชลล์ ฯ ส่งเงินมายังศาลแรงงานกลางนั้น ได้ส่งมาหลังจากที่ศาลแรงงานกลางออกหมายบังคับคดีแล้ว ตามหนังสือของเจ้าพนักงานบังคับคดี เพราะฉะนั้นเงินจำนวน ๖๘๓,๓๔๘.๔๐ บาท จึงเป็นเงินที่เจ้าพนักงานได้ยึดหรืออายัดไว้ตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๐ โจทก์ที่ ๘ และโจทก์ที่ ๑๐ หาได้ยื่นคำขอเฉลี่ยหนี้ตามมาตรา ๒๙๐ ไม่โจทก์ที่ ๘ และโจทก์ที่ ๑๐ จึงไม่มีสิทธิที่จะขอรับส่วนเฉลี่ยจากจำนวนเงิน ๖๘๓,๓๔๘.๔๐ บาทประการใดการขอเฉลี่ยหนี้ตามมาตรา ๒๙๐ และการทำบัญชีส่วนเฉลี่ยแสดงจำนวนเงินที่จ่ายให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต่างเป็นบทบัญญัติที่อยู่ในลักษณะ ๒ การบังคับคดีตามคำพิพากษาและคำสั่งด้วยกันแต่มาตรา ๒๙๐ อยู่ในหมวด ๑ หลักทั่วไปซึ่งเป็นกระบวนพิจารณาที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจักต้องกระทำก่อนต่อเมื่อได้กระทำแล้วได้มาซึ่งสิทธิตามมาตรา ๒๙๐ แล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงมีหน้าที่ทำบัญชีส่วนเฉลี่ยแสดงจำนวนที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาผู้ขอเฉลี่ยจะพึงได้รับ อันเป็นบทบัญญัติในหมวด ๒ ที่ว่าด้วยการจ่ายเงินซึ่งเป็นกระบวนพิจารณาชั้นหลัง กฎหมายบัญญัติกระบวนพิจารณาไว้เป็นขั้นตอนดังนี้ ที่ศาลแรงงานกลางสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการในชั้นจ่ายเงินทั้งที่สิทธิที่จะได้รับเงินของโจทก์ที่ ๘ และโจทก์ที่ ๙ หามีไม่ จึงเป็นการคลาดเคลื่อนต่อกฎหมาย
พิพากษากลับให้ศาลแรงงานกลางจ่ายเงินจำนวน ๖๘๓,๓๔๘.๔๐ บาทแก่โจทก์ที่ ๙.

Share