คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 672/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำว่ามีอาวุธปืน ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 7 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 นั้น หมายความว่ามีกรรมสิทธิหรือมีไว้ในความครอบครอง ดังที่พระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติไว้ในมาตรา 4 (6)
จำเลยยึดถืออาวุธปืนของกลางของผู้อื่นไว้ ไม่ทำให้จำเลยมีกรรมสิทธิ์ในอาวุธปืนนั้น และการยึดถือไว้ให้เจ้าของชั่วขณะที่เจ้าของนั่งดื่มสุราอยู่ใกล้ ๆ นั้น ไม่ทำให้จำเลยมีสิทธิครอบครองในอาวุธปืน เพราะจำเลยมิได้ยึดถือเพื่อตน สิทธิครอบครองยังคงอยู่กับเจ้าของ ถือไม่ได้ว่าจำเลยมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครอง จำเลยไม่มีความผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจมีอาวุธปืนสั้นจำนวน ๑ กระบอก ซึ่งเป็นอาวุธปืนของผู้มีชื่อและกระสุนปืน๑ นัด แมกกาซีน ๑ อันไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๗๒ ฯลฯ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยมิได้รับอนุญาตตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ บัญญัติห้ามมิให้ผู้ใด ฯลฯ มี ฯลฯ ซึ่งอาวุธปืน ฯลฯ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวนี้มาตรา ๔ (๖) คำว่า “มี” หมายความว่ามีกรรมสิทธิ์หรือมีไว้ในครอบครอง แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยจ่าสิบเอกประยุทธกับพวกไปเยี่ยมนายยู้ซึ่งถูกคนร้ายลอบยิง นายยู้เอาสุรามาเลี้ยง จ่าสิบเอกประยุทธเมาสุรา เกรงว่าการมีอาวุธปืนติดตัวในขณะนั้นจะเกิดอันตราย จึงเอาอาวุธปืนของกลางซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้แล้วฝากจำเลยไว้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปสอบปากคำนายยู้เรื่องถูกคนร้ายลอบยิง เห็นจำเลยพกปืนยืนอยู่ห่างจากที่จ่าสิบเอกประยุทธกับพวกนั่งดื่มสุราประมาณ ๑ วา ฉะนั้น การที่จำเลยยึดถืออาวุธปืนของกลางของผู้อื่นไว้ ไม่ทำให้จำเลยมีกรรมสิทธิ์ในอาวุธปืนนั้น และการยึดถือไว้ให้เจ้าของชั่วขณะที่เจ้าของนั่งดื่มสุราอยู่ใกล้ ๆ นั้น ไม่ทำให้จำเลยมีสิทธิครอบครองในอาวุธปืนเพราะจำเลยมิได้ยึดถือเพื่อตนเอง สิทธิครอบครองยังคงอยู่กับเจ้าของถือไม่ได้ว่าจำเลยมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครอง จำเลยไม่มีความผิด
พิพากษายืน

Share