แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บรรดาสมาคมนอกจากจะต้องมีข้อบังคับและต้องจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา 1275 แล้ว  การแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมข้อบังคับใหม่นั้น  ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1283  วรรคสอง  ยังบังคับให้ส่งสำเนาข้อบังคับที่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมใหม่สามฉบับไปจดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ได้ลงมติ  ฉะนั้น  แม้ข้อบังคับที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขใหม่นั้นจะได้รับความยินยอมจากสมาชิกสามัญเกินกว่าหนึ่งในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดและได้รับอนุมัติจากท่านศาสดาสมเด็จสังฆราชถูกต้องตามข้อบังคับของสมาคม  แต่เมื่อข้อบังคับดังกล่าวยังมิได้จดทะเบียนตามที่กฎหมายบังคับไว้  จึงยังไม่สมบูรณ์  ไม่มีผลใช้บังคับแก่สมาคม
เมื่อจำเลยจัดให้มีการเลือกตั้งกรรมการฝ่าฝืนข้อบังคับของสมาคมที่ได้จดทะเบียนไว้  โจทก์ซึ่งเป็นสมาชิกของสมาคมย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยให้เพิกถอนการเลือกตั้งกรรมการที่ฝ่าฝืนข้อบังคับของสมาคมได้  แม้จะมิได้คัดค้านไว้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า  จำเลยเป็นนิติบุคคล  มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่หลักธรรมคำสั่งสอนศาสดาศรีสัตย์  คุรุรามซิงห์  มีนายยัสปาล  ซิงห์  คุรุวาฬ  เป็นนายกและผู้จัดการสมาคม  เมื่อวันที่  ๖  มกราคม  ๒๕๑๗  จำเลยจัดให้มีการเลือกคณะกรรมการชุดใหม่ของสมาคม  โดยวิธีจับสลากจากใบสมัครของสมาชิกตามอำเภอใจ  เป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของสมาคมตามเอกสารท้ายฟ้อง  เป็นผลเสียหายแก่สมาคมและสมาชิกสมาคม  โจทก์กับพวกซึ่งเป็นสมาชิกได้คัดค้านและขอให้จำเลยเลือกตั้งคณะกรรมการเสียใหม่ให้ถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับ ของสมาคม  จำเลยไม่ยอมปฏิบัติ  ขอให้ศาลเพิกถอนมติของสมาคมในการเลือกตั้งคณะกรรมการดังกล่าว  และสั่งให้จำเลยจัดการเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ประจำปี ๒๕๑๗  ตามระเบียบข้อบังคับของสมาคมและตามกฎหมาย
จำเลยให้การว่า  ระเบียบข้อบังคับของสมาคมท้ายฟ้องได้มีการเปลี่ยนแปลงบางข้อ  โดยได้รับความยินยอมจากสมาชิกสามัญไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของสมาชิกทั้งหมด  และได้รับอนุมัติจากศาสดาสมเด็จ  สังฆราชศรีสัตย์  คุรุ  ยักยิต  ซิงห์  ในการประชุมเมื่อวันที่  ๖  มกราคม  ๒๕๑๗  สมาชิกสามัญเกินกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกสามัญทั้งหมดเห็นควรให้เลือกกรรมการโดยวิธีจับสลากแทนการได้รับแต่งตั้งจากสมเด็จสังฆราช  จำเลยจึงได้จัดให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการตามความประสงค์ของสมาชิกส่วนใหญ่  ไม่เป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของสมาคม  โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง  ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนการเลือกตั้งคณะกรรมการสมาคมจำเลยเมื่อวันที่  ๖  มกราคม  ๒๕๑๗  คำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
โจทก์  จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า  สมาคมได้จดทะเบียนข้อบังคับในข้อ ๑ ว่า  “การจัดดำเนินงานของสมาคมต้องมีคณะกรรมการคณะหนึ่งซึ่งประกอบด้วยกรรมการ ๑๕ นายจากสมาชิกสามัญ”  และข้อ ๒ ว่า  “กรรมการในจำนวนนี้ ๑๓ นายต้องได้รับการเลือกตั้งโดยวิธีใช้บัตรลงคะแนนจากการประชุมเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการดำเนินงาน  ส่วนกรรมการอีก ๒ นายที่เหลือนั้นต้องได้รับแต่งตั้งโดยคณะกรรมการ ๑๓ นายที่ได้รับเลือกตั้งแล้ว”  ต่อมานายยัสปาล  ซิงห์  นายกสมาคมจำเลยได้ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงข้อบังคับดังกล่าวหลายข้อต่อผู้บังคับการตรวจสันติบาล  โดยเฉพาะในข้อ ๒ เปลี่ยนเป็นว่า “สมเด็จพระสังฆราชศรีสัตย์  คุรุ  ยักยิต  ซิงห์  จะทรงแต่งตั้งคณะกรรมการจำนวน ๑๓ ท่านทุกปีด้วยการพจิารณาแต่งตั้งเลือกจากใบสมัครที่สมาชิกยื่นส่งไปตามเวลาที่กำหนด  แล้วคณะกรรมการจำนวน ๑๓ ท่านนี้จะเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการเพิ่มเติมอีก ๒ ท่าน”  แต่เนื่องจากมีสมาชิกที่ไม่เห็นด้วยได้ยื่นคำคัดค้านขอให้ยับยั้งการจดทะเบียนและได้ฟ้องเป็นคดีอยู่ที่ศาลแพ่ง  เจ้าพนักงานจึงยังไม่รับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงให้แล้ววินิจฉัยว่า  บรรดาสมาคมนอกจากจะต้องมีข้อบังคับและต้องจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา ๑๒๗๕  และการแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมข้อบังคับใหม่นั้น  ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา ๑๒๘๓  วรรคสอง  ยังบัญญัติบังคับให้ส่งสำเนาข้อบังคับที่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมใหม่สามฉบับไปจดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ได้ลงมติ  ฉะนั้น  แม้ข้อบังคับที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขใหม่นั้นจะได้รับความยินยอมจากสมาชิกสามัญเกินกว่าหนึ่งในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดและได้รับอนุมัติจากท่านศาสดาสมเด็จสังฆราชศรีสัตย์ คุรุ  ยักยิต  ซิงห์  ถูกต้องตามข้อบังคับของสมาคมจำเลยแล้วก็ตาม  เมื่อข้อบังคับดังกล่าวยังมิได้จดทะเบียนตามที่กฎหมายบัญญัติบังคับไว้   จึงยังไม่สมบูรณ์  ไม่มีผลใช้บังคับแก่สมาคมจำเลย  และเมื่อจำเลยจัดให้มีการเลือกตั้งกรรมการฝ่าฝืนข้อบังคับของสมาคมที่ได้จดทะเบียนไว้  โจทก์ซึ่งเป็นสมาชิกของสมาคมจำเลยย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยให้เพิกถอนการเลือกตั้งกรรมการที่ฝ่าฝืนข้อบังคับของสมาคมจำเลยดังกล่าวได้  แม้โจทก์จะมิได้คัดค้านไว้ก็หาทำให้โจทก์เสียสิทธิในการฟ้องร้องไม่
พิพากษายืน

