แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกา 29,000 บาท จึงต้องห้าม ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของโจทก์ทั้งสองเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับฎีกา คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมด
โจทก์ทั้งสองเห็นว่า ฎีกาของโจทก์ทั้งสองเป็นปัญหาข้อกฎหมายและปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ทั้งสองไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 100)
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยถมหรือกลบทางระบายน้ำและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเฉพาะส่วนที่รุกล้ำเข้ามาในแนวเขตที่ดินของโจทก์ หากจำเลยไม่ยอมกลบหรือถมและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ดังกล่าว ขอให้ถือเอาคำพิพากษาสั่งให้โจทก์มีอำนาจถมหรือกลบ และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเองโดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย และห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องในที่ดินโจทก์ และให้จำเลยรับรอง แนวเขตที่ดินของจำเลยให้ตรงตามแผนที่พิพาทตามที่ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานีทำขึ้น ถ้าจำเลยไม่รับรอง แนวเขต ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้โจทก์นำไปแก้รูปแผนที่ต่อเจ้าพนักงานที่ดินได้
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์
โจทก์ทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 95)
โจทก์ทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 97)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองเพราะเห็นว่าเป็นอุทธรณ์ที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 โจทก์ทั้งสองจึงฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้ ให้รับฎีกาของโจทก์ทั้งสองให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป