แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้คดีโดยแสดงเหตุแห่งการปฏิเสธว่า การเช่าห้องพักมีข้อตกลงตามสัญญาเช่าว่า ผู้ให้เช่าจะไม่รับผิดชอบในความสูญหายแก่ทรัพย์สินของผู้เช่า จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น
การที่จำเลยยินยอมออกใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีในนามจำเลยให้แก่ผู้มาพักอาศัยห้องพักย่อมเป็นที่แสดงให้ผู้มาใช้บริการห้องพักเข้าใจว่าจำเลยเป็นเจ้าของหรือมีผลประโยชน์ร่วมกันกับบริษัท ช. เมื่อพนักงานเป็นทั้งพนักงานของบริษัท ช. และพนักงานของจำเลย ส่วนพนักงานที่รับแจ้งเหตุรถยนต์สูญหายในวันเกิดเหตุเป็นพนักงานของจำเลย ทั้งจำเลยก็ไม่นำสืบหลักฐานความเป็นเจ้าของที่แท้จริงของห้องพักว่าเป็นของบริษัท ช. แยกต่างหากไม่ใช่ของจำเลย ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นเจ้าของที่พักที่เกิดเหตุ อันมีลักษณะทำนองเดียวกับโรงแรม จำเลยจึงเป็นเจ้าสำนักสถานที่พักดังกล่าวทำนองเดียวกับโรงแรม ต้องรับผิดในการที่รถยนต์ของ พ. สูญหายตาม ป.พ.พ. มาตรา 674
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายจำนวน 480,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 480,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (วันที่ 25 มกราคม 2550) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 3,000 บาท แทนโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน บม 5335 นครศรีธรรมราช จากนางพิทยาภรณ์ อายุคุ้มครองนับแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2548 ถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2549 มีธนาคารธนชาติ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญา เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2549 นางพิทยาภรณ์เข้าพักที่ห้องพักของบริษัทชาลีน่า ปริ้นเซส โดยนำรถยนต์คันดังกล่าวไปจอดที่ลานจอดรถของที่พัก ต่อมาวันที่ 28 กรกฎาคม 2549 รถยนต์คันดังกล่าวสูญหายไป โจทก์ตรวจสอบเหตุที่เกิดขึ้นแล้วได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนจำนวน 480,000 บาท ให้แก่ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) แล้ว
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยในข้อที่ว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เพราะการเช่าห้องพักมีข้อตกลงตามสัญญาเช่าว่า ผู้ให้เช่าจะไม่รับผิดชอบในความสูญหายแก่ทรัพย์สินของผู้เช่านั้น ชอบหรือไม่ จำเลยแสดงเหตุแห่งการปฏิเสธว่า โจทก์ยังไม่ได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์จึงยังไม่ได้รับช่วงสิทธิมาฟ้อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม และนางพิทยาภรณ์ไม่ได้เข้าพักที่โรงแรมของจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้คดีโดยแสดงเหตุแห่งการปฏิเสธว่า การเช่าห้องพักมีข้อตกลงตามสัญญาเช่า ผู้ให้เช่าจะไม่รับผิดชอบในความสูญหายแก่ทรัพย์สินของผู้เช่า จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ข้อที่จำเลยอุทธรณ์ดังกล่าวจึงไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ ชอบแล้ว ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการสุดท้ายว่า จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ เห็นว่า คดีได้ความตามที่นายบุญโชติ พนักงานของบริษัทชาลีน่า ปริ๊นเซส จำกัด เบิกความตอบทนายโจทก์ถามค้านว่าลูกค้าที่เข้าพักในห้องพักของบริษัทชาลีน่า ปริ้นเซส จำกัด หากขอออกใบเสร็จรับเงินหรือใบกำกับภาษี ลูกค้าจะได้รับใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีที่ออกในนามจำเลย สอดคล้องกับที่โจทก์นำสืบมาว่า ในการเข้าพักของนางพิทยาภรณ์มีหลักฐานใบเสร็จรับเงินและบิลเงินสด/ใบกำกับภาษี ที่ออกให้ในนามจำเลย การที่จำเลยยินยอมออกใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีในนามจำเลยให้แก่ผู้มาพักอาศัยห้องพักที่เกิดเหตุย่อมเป็นที่แสดงให้ผู้มาใช้บริการห้องพักเข้าใจว่าจำเลยเป็นเจ้าของหรือมีผลประโยชน์ร่วมกันกับบริษัทชาลีน่า ปริ้นเซส จำกัด นอกจากนี้นายบุญโชติยังเบิกความตอบทนายโจทก์ถามค้านอีกว่า พยานเป็นทั้งพนักงานของบริษัทชาลีน่า ปริ้นเซส จำกัด และพนักงานของจำเลย นางสายฝน พนักงานที่รับแจ้งเหตุรถยนต์สูญหายจากนางพิทยาภรณ์ในวันเกิดเหตุก็เป็นพนักงานของจำเลย ทั้งจำเลยก็ไม่ได้นำสืบหลักฐานความเป็นเจ้าของที่แท้จริงของที่พักที่เกิดเหตุว่าเป็นของบริษัทชาลีน่า ปริ้นเซส จำกัด แยกต่างหากไม่ใช่ของจำเลย พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของจำเลย ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นเจ้าของที่พักที่เกิดเหตุ อันมีลักษณะทำนองเดียวกับโรงแรม จำเลยจึงเป็นเจ้าสำนักสถานที่พักดังกล่าวทำนองเดียวกับโรงแรมที่นางพิทยาภรณ์เข้าพักอาศัย ต้องรับผิดในการที่รถยนต์ของนางพิทยาภรณ์สูญหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 674 โจทก์ผู้รับประกันภัยได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้รับประโยชน์ไปแล้ว ย่อมรับช่วงสิทธิมาเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยนับถัดจากวันฟ้อง แต่ศาลล่างทั้งสองให้คิดดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องเกินคำขอจึงเห็นควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษายืน เว้นแต่ดอกเบี้ยให้คิดนับถัดจากวันฟ้อง (วันที่ 25 มกราคม 2550) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ