แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ภายหลังการจดทะเบียนภาระจำยอม บริษัท ด. ผู้เป็นเจ้าของสามยทรัพย์มิได้ใช้ที่ดินภาระจำยอมของโจทก์เป็นเวลาเกินกว่าสิบปี ภาระจำยอมดังกล่าวย่อมสิ้นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 1399 ซึ่งเป็นการสิ้นไปโดยผลแห่งกฎหมายและก่อสิทธิแก่โจทก์ในอันที่จะขอให้เพิกถอนภาระจำยอมนับตั้งแต่ครบกำหนดเวลาดังกล่าว เมื่อ ป.พ.พ. มาตรา 1399 มิได้กำหนดเงื่อนเวลาในการใช้สิทธิดังกล่าวโจทก์ย่อมชอบที่จะใช้สิทธิฟ้องคดีเพื่อขอให้เพิกถอนภาระจำยอมในเวลาใด ๆ นับตั้งแต่เกิดสิทธิดังกล่าว และเมื่อจำเลยเพิ่งรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินสามยทรัพย์จากบริษัท ด. ภายหลังภาระจำยอมสิ้นไปแล้ว ทั้งเพิ่งใช้ทางภาระจำยอมในที่ดินของโจทก์ยังไม่ครบกำหนดสิบปี ยังไม่ได้ภาระจำยอมโดยอายุความ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนเพิกถอนภาระจำยอมได้
โจทก์กับพวกขายที่ดินภารยทรัพย์ทั้งห้าแปลงให้บริษัท ด. และจดทะเบียนภาระจำยอมในที่ดินของโจทก์ให้แก่ที่ดินภารยทรัพย์ทั้งห้าแปลงโดยไม่มีกำหนดระยะเวลาและไม่มีค่าตอบแทน ซึ่งจำเลยอ้างว่าเพื่อตอบแทนการซื้อที่ดินภารยทรัพย์ทั้งห้าแปลงก็ตาม แต่การจดทะเบียนภาระจำยอมดังกล่าวเป็นเพียงการทำนิติกรรมที่ไม่มีเงื่อนเวลาสิ้นสุด และภาระจำยอมไม่ว่าจะได้มาโดยนิติกรรมหรืออายุความ เมื่อไม่ได้ใช้เป็นเวลานานถึงสิบปีภาระจำยอมนั้นย่อมสิ้นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 1399 การฟ้องคดีของโจทก์จึงเป็นการอ้างสิทธิตามกฎหมาย หาใช่การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตแต่อย่างใด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่า ภาระจำยอมในที่ดินของโจทก์สิ้นไป และให้จำเลยจดทะเบียนเพิกถอนภาระจำยอม หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ภาระจำยอมเรื่องทางเดิน ทางรถยนต์ ไฟฟ้า น้ำประปา น้ำบาดาล โทรศัพท์ ท่อระบายน้ำ และสาธารณูปโภคอื่น ๆ ของที่ดินโฉนดเลขที่ 32594 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี (บางพลีใหญ่) จังหวัดสมุทรปราการ ที่มีอยู่แก่ที่ดินสามยทรัพย์โฉนดเลขที่ 32590, 32591, 32595, 32596 และ 32597 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี (บางพลีใหญ่) จังหวัดสมุทรปราการสิ้นไป ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยให้เป็นพับ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์ 3,000 บาท แทนโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 32594 เดิมบริษัทดี.เค.ดีเวลลอปเม้นท์กรุ๊พ จำกัด ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 32590 และ 32596 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี (บางพลีใหญ่) จังหวัดสมุทรปราการ จากโจทก์ ครั้นวันที่ 12 กรกฎาคม 2536 โจทก์จดทะเบียนภาระจำยอมในที่ดินของโจทก์ให้แก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 32590, 32591, 32595, 32596 และ 32597 ของบริษัทดี.เค.ดีเวลลอปเม้นท์กรุ๊พ จำกัด โดยไม่มีกำหนดระยะเวลาและค่าตอบแทนเพื่อใช้เป็นทางเดิน ทางรถยนต์ และสาธารณูปโภคต่าง ๆ ต่อมาบริษัทดี.เค.ดีเวลลอปเม้นท์กรุ๊พ จำกัด รวมโฉนดที่ดินทั้งห้าแปลงเข้าด้วยกัน เป็นที่ดินโฉนดเลขที่ 32590 แล้วแบ่งแยกที่ดินโฉนดดังกล่าวเป็นที่ดินโฉนดเลขที่ 32591 อีกแปลงหนึ่ง ต่อมาวันที่ 12 ธันวาคม 2550 บริษัทดี.เค.ดีเวลลอปเม้นท์กรุ๊พ จำกัด จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 32590 และ 32591 ชำระหนี้จำนองให้แก่จำเลย
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ภาระจำยอมในที่ดินของโจทก์สิ้นไปหรือไม่ จำเลยนำสืบและฎีกายอมรับข้อเท็จจริงว่า บริษัทดี.เค.ดีเวลลอปเม้นท์กรุ๊พ จำกัด ใช้ที่ดินภาระจำยอมเป็นทางเข้าออกเพื่อปรับปรุงพื้นที่เพียงช่วงเวลาไม่นาน แล้วมิได้ใช้ประโยชน์ในภาระจำยอมดังกล่าวเป็นเวลาเกินกว่าสิบปีก่อนโอนชำระหนี้จำนองให้แก่จำเลย เพียงแต่ต่อสู้ว่าโจทก์มิได้ฟ้องขอเพิกถอนภาระจำยอมในขณะไม่มีผู้ใช้ทางภาระจำยอมครบกำหนดสิบปี จึงไม่มีสิทธิขอเพิกถอนภาระจำยอมภายหลังจากจำเลยรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินภารยทรัพย์และเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินภาระจำยอมแล้ว เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่าภายหลังการจดทะเบียนภาระจำยอม บริษัทดี.เค.ดีเวลลอปเม้นท์กรุ๊พ จำกัด ผู้เป็นเจ้าของสามยทรัพย์มิได้ใช้ที่ดินภาระจำยอมของโจทก์เป็นเวลาเกินกว่าสิบปี ภาระจำยอมดังกล่าวย่อมสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1399 ซึ่งเป็นการสิ้นไปโดยผลแห่งกฎหมายและก่อสิทธิแก่โจทก์ในอันที่จะขอให้เพิกถอนภาระจำยอมนับตั้งแต่ครบกำหนดเวลาดังกล่าว เมื่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1399 มิได้กำหนดเงื่อนเวลาในการใช้สิทธิดังกล่าว โจทก์ย่อมชอบที่จะใช้สิทธิฟ้องคดีเพื่อขอให้เพิกถอนภาระจำยอมในเวลาใด ๆ นับตั้งแต่เกิดสิทธิดังกล่าว และเมื่อจำเลยเพิ่งรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินสามยทรัพย์จากบริษัทดี.เค.ดีเวลลอปเม้นท์กรุ๊พ จำกัด ภายหลังภาระจำยอมสิ้นไปแล้ว ทั้งเพิ่งใช้ทางภาระจำยอมในที่ดินของโจทก์ยังไม่ครบกำหนดสิบปี ยังไม่ได้ภาระจำยอมโดยอายุความ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนเพิกถอนภาระจำยอมได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยในประการต่อไปมีว่า โจทก์ใช้สิทธิฟ้องคดีโดยสุจริตหรือไม่ เห็นว่า แม้ข้อเท็จจริงจะรับฟังเป็นยุติว่า โจทก์กับพวกขายที่ดินภารยทรัพย์ทั้งห้าแปลงให้บริษัทดี.เค.ดีเวลลอปเม้นท์กรุ๊พ จำกัด และจดทะเบียนภาระจำยอมในที่ดินของโจทก์ให้แก่ที่ดินภารยทรัพย์ทั้งห้าแปลงโดยไม่มีกำหนดระยะเวลาและไม่มีค่าตอบแทน เพื่อตอบแทนการซื้อที่ดินภารยทรัพย์ทั้งห้าแปลงก็ตามแต่การจดทะเบียนภาระจำยอมดังกล่าวเป็นการทำนิติกรรมที่ไม่มีเงื่อนเวลาสิ้นสุด และภาระจำยอมไม่ว่าจะได้มาโดยนิติกรรมหรืออายุความ เมื่อไม่ได้ใช้เป็นเวลานานถึงสิบปีภาระจำยอมนั้นย่อมสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1399 การฟ้องคดีของโจทก์จึงเป็นการอ้างสิทธิตามกฎหมาย หาใช่การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตแต่อย่างใด ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ