คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7513/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ร้องมอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดีโดยระบุในคำร้องว่ายื่นคำร้องขอเลื่อนคดี รับทราบคำสั่งศาลกำหนดวันนัด แก้ไขคำผิดเล็กน้อย แถลงต่อศาลและตรวจสำนวนเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคำร้องขอเลื่อนคดีโดยเฉพาะ หาได้มอบหมายให้ดำเนินการนอกเหนือไปจากการขอเลื่อนคดีไม่ที่โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านเกี่ยวกับจำนวนทุนทรัพย์ที่ดินพิพาทว่ามีราคาน้อยกว่าราคาที่เป็นจริง ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งในวันเดียวกันนั้นให้ผู้ร้องชำระค่าขึ้นศาลในส่วนที่ขาดเพิ่มขึ้นให้ถูกต้อง ให้ผู้ร้องนำเงินมาวางศาลในนัดต่อไปแม้เสมียนทนายผู้ร้องจะลงชื่อในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลก็จะถือว่าทนายผู้ร้องหรือผู้ร้องรับทราบคำสั่งของศาลโดยชอบแล้วหาได้ไม่ เพราะเป็นการนอกเหนือจากที่เสมียนทนายผู้ร้องจะรับทราบตามที่ทนายผู้ร้องได้มอบฉันทะมาและกรณีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ที่จะถือว่าผู้ร้องทิ้งคำร้องนั้นต้องได้ความว่าผู้ร้องเพิกถอนไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนดไว้เพื่อการนั้นโดยได้ส่งคำสั่งให้แก่ผู้ร้องโดยชอบแล้ว เมื่อศาลชั้นต้นยังไม่ได้ส่งคำสั่งให้ผู้ร้องชำระค่าขึ้นศาลที่ยังขาดอยู่จะถือว่าผู้ร้องทราบคำสั่งของศาลโดยชอบด้วยกฎหมายหาได้ไม่ ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้ร้องไม่นำค่าขึ้นศาลที่ยังขาดอยู่มาชำระถือว่าผู้ร้องทิ้งคำร้องทันที โดยไม่ได้มีคำสั่งให้ทนายผู้ร้องและผู้ร้องที่มาศาลในวันดังกล่าวรับทราบคำสั่งโดยกำหนดเวลาตามสมควรให้ปฏิบัติ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่ในชั้นอุทธรณ์ตามอุทธรณ์ของผู้ร้องไม่ได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่ว่าผู้ร้องทิ้งคำร้องด้วยเหตุดังกล่าว คงเพียงแต่โต้แย้งเรื่องการประเมินราคาที่ดินพิพาทว่าเป็นการไม่ชอบเท่านั้น ซึ่งเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ฎีกาผู้ร้องจึงไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องบังคับจำนองและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 39629 ตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ตจังหวัดภูเก็ต เนื้อที่ 4 ไร่เศษ ซึ่งเป็นทรัพย์จำนองมีชื่อจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของที่ดินเพื่อขายทอดตลาด
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องครอบครองปรปักษ์ที่ดินดังกล่าวจนได้กรรมสิทธิ์แล้ว จำเลยที่ 1 และผู้รับโอนคนก่อนรับโอนที่ดินโดยไม่สุจริต ขอให้สั่งโจทก์ถอนการยึด โดยผู้ร้องตีราคาที่ดินและเสียค่าขึ้นศาลในจำนวนทุนทรัพย์ 1,632,850 บาท
โจทก์ให้การว่า ผู้ร้องไม่ได้ครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทคำร้องขอเคลือบคลุม โจทก์รับจำนองที่ดินดังกล่าวโดยสุจริตขอให้ยกคำร้องขอ
เกี่ยวกับราคาที่ดินพิพาทโจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ยึดทรัพย์ประเมินราคาที่ดินไว้เป็นเงิน2,800,980 บาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันนัดสืบพยานผู้ร้องนัดแรกให้ถือเอาราคาที่ดิน 2,800,980 บาท เป็นทุนทรัพย์ และให้ผู้ร้องเสียค่าขึ้นศาลในส่วนที่ยังขาดในนัดหน้า หากไม่ชำระถือว่าผู้ร้องทิ้งคำร้องขอและให้เลื่อนไปสืบพยานผู้ร้องนัดหน้าในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2538
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งขอให้ถือเอาราคาที่ดินพิพาทจำนวน1,632,850 บาท เป็นทุนทรัพย์ ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา จึงไม่รับอุทธรณ์
ต่อมาเมื่อถึงวันนัดในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2538 ผู้ร้องแถลงว่าไม่มีเงินชำระค่าขึ้นศาลเพิ่ม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าเมื่อผู้ร้องไม่ชำระค่าขึ้นศาลในส่วนที่ยังขาด จึงถือว่าผู้ร้องทิ้งคำร้อง ขอให้จำหน่ายคดี
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาผู้ร้องว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ผู้ร้องฎีกาว่าเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2538 ผู้ร้องได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดี โดยระบุในคำร้องว่า ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี รับทราบคำสั่งศาล กำหนดวันนัดแก้ไขคำผิดตกเล็กน้อย แถลงต่อศาล และตรวจสำนวนเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคำร้องขอเลื่อนคดีโดยเฉพาะหาได้มอบหมายให้ดำเนินการนอกเหนือไปจากการขอเลื่อนคดีไม่ ที่โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านเกี่ยวกับจำนวนทุนทรัพย์ที่ดินพิพาทว่าคำนวณราคาทุนทรัพย์น้อยกว่าราคาที่เป็นจริงศาลชั้นต้นจึงได้มีคำสั่งในวันเดียวกันนั้นให้ผู้ร้องชำระค่าขึ้นศาลในส่วนที่ขาดเพิ่มขึ้นให้ถูกต้อง ให้ผู้ร้องนำเงินมาวางศาลในนัดต่อไปแม้เสมียนทนายผู้ร้องจะลงชื่อในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลก็จะถือว่าทนายผู้ร้อง หรือผู้ร้องรับทราบคำสั่งของศาลโดยชอบแล้วหาได้ไม่ เพราะเป็นการนอกเหนือจากที่เสมียนทนายผู้ร้องจะรับทราบตามที่ทนายผู้ร้องได้มอบฉันทะมาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(4)ที่จะถือว่าผู้ร้องทิ้งคำร้องนั้นต้องได้ความว่าผู้ร้องเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดไว้เพื่อการนั้นโดยได้ส่งคำสั่งให้แก่ผู้ร้องโดยชอบแล้ว เมื่อศาลชั้นต้นยังไม่ได้ส่งคำสั่งให้ผู้ร้องชำระค่าขึ้นศาลที่ยังขาดอยู่จะถือว่าผู้ร้องทราบคำสั่งของศาลโดยชอบด้วยกฎหมายหาได้ไม่ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้ร้องไม่นำค่าขึ้นศาลที่ยังขาดอยู่มาชำระในวันนัดครั้งต่อมาตามที่มีคำสั่งไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่21 กันยายน 2538 ถือว่าผู้ร้องทิ้งคำร้องทันที โดยไม่ได้มีคำสั่งให้ทนายผู้ร้องและผู้ร้องที่มาศาลในวันดังกล่าวรับทราบคำสั่งโดยกำหนดเวลาตามสมควรให้ปฏิบัติจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นแต่ในชั้นอุทธรณ์ตามอุทธรณ์ของผู้ร้องไม่ได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งว่าผู้ร้องทิ้งคำร้องด้วยเหตุดังกล่าว คงเพียงแต่โต้แย้งเรื่องการประเมินราคาที่ดินพิพาทว่าเป็นการไม่ชอบเท่านั้น การที่ผู้ร้องฎีกาดังกล่าวจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ฎีกาผู้ร้องจึงไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาผู้ร้อง

Share