แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ความผิดฐานร่วมกันมีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ฯ มาตรา 48 วรรคหนึ่ง, 73 อาศัยเจตนาในการกระทำความผิดต่างจากความผิดฐานร่วมกันนำไม้สักที่เคยอยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเคยอยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้ และพ้นจากสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้มาแล้วกว่าห้าปี เคลื่อนย้ายออกนอกเขตจังหวัดซึ่งเป็นที่ตั้งสิ่งปลูกสร้างหรือเป็นที่ประกอบเครื่องใช้นั้นโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ฯ มาตรา 39 ตรี วรรคหนึ่ง,71 ทวิ จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 4, 6, 7, 39 ตรี, 47, 48, 71 ทวิ, 73, 74 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 ริบไม้สักแปรรูปและไม้ประดู่แปรรูปของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 39 ตรี วรรคหนึ่ง, 48 วรรคหนึ่ง, 71 ทวิ, 73 ทวิ วรรคหนึ่ง และวรรคสอง (1) (ที่ถูกมาตรา 73 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง (1)) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เป็นการกระทำหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตารา 91 ฐานร่วมกันมีไม้สักและไม้ประดู่แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิดกรรมเดียวกัน ให้ลงโทษฐานร่วมกันมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุกคนละ 2 ปี ฐานร่วมกันนำไม้สักที่เคยอยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้าง หรือเคยอยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้มาแล้วกว่าห้าปีเคลื่อนย้ายออกนอกเขตจังหวัดซึ่งเป็นที่ตั้งสิ่งปลูกสร้างหรือเป็นที่ประกอบเครื่องใช้นั้นโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 1 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน ริบไม้สักแปรรูปจำนวน 1 ท่อน กับอีก 16 แผ่นและไม้ประดู่แปรรูปจำนวน 9 แผ่น ของกลาง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ระหว่างพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ภาค 6 จำเลยที่ 1 ถึงแก่ความตายศาลอุทธรณ์ภาค 6 มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ประการแรกว่า การกระทำของจำเลยที่ 2 ตามคำฟ้องเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทหรือไม่ เห็นว่า ความผิดฐานร่วมกันมีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48 วรรคหนึ่ง, 73 อาศัยเจตนาในการกระทำความผิดต่างจากความผิดฐานร่วมกันนำไม้สักที่เคยอยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเคยอยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้ และพ้นจากสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้มาแล้วกว่าห้าปีเคลื่อนย้ายออกนอกเขตจังหวัดซึ่งเป็นที่ตั้งสิ่งปลูกสร้างหรือเป็นที่ประกอบเครื่องใช้นั้นโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 39 ตรี วรรคหนึ่ง, 71 ทวิ ดังนั้น การร่วมกันกระทำความผิดของจำเลยที่ 2 กับพวกตามที่ปรากฏในคำฟ้องจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน หาใช่เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทดังที่จำเลยที่ 2 ฎีกาไม่ ส่วนที่จำเลยที่ 2 ฎีกาในประการต่อมาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษนั้น เห็นว่า คดีนี้ไม้ของกลางที่จำเลยมีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตมีเพียงไม้สักแปรรูปจำนวน 1 ท่อน ปริมาตร 0.35 ลูกบาศก์เมตร ไม้สักแปรรูปจำนวน 16 แผ่น ปริมาตร 1.08 ลูกบาศก์เมตร และไม้ประดู่แปรรูปจำนวน 9 แผ่น ปริมาตร 0.62 ลูกบาศก์เมตร เท่านั้นส่วนไม้สักจำนวนหลายแผ่นปริมาตรรวม 35 ลูกบาศก์เมตร เป็นไม้ที่เคยอยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเคยอยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้ และพ้นจากสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้มาแล้วกว่าห้าปีซึ่งตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ มาตรา 4 (4) มิให้ถือว่าเป็นไม้แปรรูป เพียงการนำเคลื่อนย้ายออกนอกจังหวัดซึ่งเป็นที่ตั้งสิ่งปลูกสร้างหรือเป็นที่ประกอบเครื่องใช้นั้นต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายโดยมิต้องเสียค่าธรรมเนียมเท่านั้นพฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องที่ไม่ร้ายแรงนักประกอบกับในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณา จำเลยที่ 2 ก็ให้การรับสารภาพมาโดยตลอดอันแสดงว่ายังรู้สำนึกในความผิดแห่งตน เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนยังอยู่ในวิสัยที่จะแก้ไขฟื้นฟูให้กลับตนเป็นพลเมืองดีได้ การรอการลงโทษจำคุกและคุมความประพฤติไว้น่าจะเป็นผลดีแก่จำเลยที่ 2 และสังคมโดยส่วนรวมมากกว่า ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังขึ้นแต่เพื่อให้หลาบจำจึงให้ลงโทษปรับจำเลยที่ 2 ในความผิดแต่ละกระทงอีกสถานหนึ่ง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษปรับจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานร่วมกันมีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 20,000 บาท และฐานร่วมกันนำไม้สักที่เคยอยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเคยอยู่ในสภาพเครื่องใช้มาแล้วกว่าห้าปีเคลื่อนย้ายออกนอกเขตจังหวัด ซึ่งเป็นที่ตั้งสิ่งปลูกสร้างหรือเป็นที่ประกอบเครื่องใช้นั้นโดยไม่ได้รับอนุญาต 10,000 บาท ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ฐานร่วมกันมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตปรับ 10,000 บาท และฐานร่วมกันนำไม้สักที่เคยอยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเคยอยู่ในสภาพเครื่องใช้มาแล้วกว่าห้าปีเคลื่อนย้ายออกนอกเขตจังหวัดซึ่งเป็นที่ตั้งสิ่งปลูกสร้างหรือเป็นที่ประกอบเครื่องใช้นั้นโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 5,000 บาท เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวมลงโทษปรับจำเลยที่ 2 เป็นเงิน 15,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี และคุมความประพฤติจำเลยที่ 2 ไว้มีกำหนด 2 ปี นับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยที่ 2 ฟัง โดยให้จำเลยที่ 2 ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติปีละ 3 ครั้ง ตามเงื่อนไขและกำหนดเวลาที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร ให้จำเลยที่ 2 ละเว้นการประพฤติใดอันอาจนำไปสู่การกระทำความผิดทำนองนี้อีก กับให้จำเลยที่ 2 กระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยที่ 2 เห็นสมควรมีกำหนด 30 ชั่วโมงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามมาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6