แหล่งที่มา : เนติบัญฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยพาผู้เสียหายอายุ 14 ปีเศษไปร่วมหลับนอนโดยบิดามารดาของผู้เสียหายไม่ทราบ เป็นการกระทำอันละเมิดต่ออำนาจปกครองของบิดามารดา แม้ผู้เสียหายจะสมัครใจไปด้วยและจำเลยจะมิได้ร่วมประเวณีเพียงแต่นอนกอดผู้เสียหายเท่านั้นก็ตาม การกระทำของจำเลยดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นการพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2525 มาตรา 9 และให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีหมายเลขแดงที่ 2678/2530 ของศาลจังหวัดสมุทรปราการดังกล่าวจำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 วรรคแรก จำคุก 3 ปี นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีหมายเลขแดงที่ 2678/2530 ของศาลจังหวัดสมุทรปราการจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์อายุ 14 ปีเศษ สมัครใจให้จำเลยพาไปพักค้างแรมที่จังหวัดกาญจนบุรี 1 คืน คดีมีปัญหาว่าจำเลยพาผู้เสียหายไปดังกล่าว จำเลยจะมีความผิดตามฟ้องหรือไม่ พยานโจทก์คือผู้เสียหายเบิกความว่าได้พักค้างคืนโดยนอนร่วมกับจำเลย ระหว่างนอนอยู่ด้วยกันถูกจำเลยกอดแต่ไม่ได้ร่วมประเวณีกัน เพราะผู้เสียหายห้ามไว้ และผู้เสียหายยังเบิกความต่อไปอีกว่า เมื่อกลับมาบ้านได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นดังกล่าวให้บิดาฟังโดยโจทก์มีนายประสิทธิ์บิดาผู้เสียหายมาเบิกความสนับสนุนความข้อนี้และโจทก์ยังมีบันทึกคำให้การของจำเลยชั้นสอบสวนตามเอกสารหมาย จ.3ซึ่งจำเลยให้การไว้ว่าได้นอนร่วมกับผู้เสียหายเป็นพยานสนับสนุนอีกด้วย พยานโจทก์ต่างไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อนข้อน่าระแวงว่าจะแกล้งเบิกความปรักปรำใส่ร้ายจำเลยจึงไม่มีพยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักมั่นคงกอปรด้วยเหตุผล ที่จำเลยเบิกความว่าไม่ได้นอนร่วมกับผู้เสียหายก็ดี และที่เบิกความว่าพนักงานตำรวจบังคับให้ลงชื่อในกระดาษที่ไม่มีข้อความ เป็นทำนองว่าเจ้าพนักงานตำรวจทำบันทึกคำให้การจำเลยชั้นสอบสวนขึ้นเองเพื่อปรักปรำจำเลยก็ดี มีแต่คำจำเลยปากเดียวลอย ๆ ไม่มีพยานสนับสนุนที่ศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อว่าผู้เสียหายนอนกับจำเลยเพราะถ้านอนด้วยกันจำเลยคงอดใจไม่ได้ที่จะไม่ร่วมประเวณีกับผู้เสียหายนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าไม่เป็นดังที่ศาลอุทธรณ์ว่าเสมอไป แต่ขึ้นอยู่กับผู้เสียหายและจำเลยจะมีความยับยั้งชั่งใจหรือไม่มากกว่า จากเหตุผลดังได้วินิจฉัยมาข้างต้น พยานจำเลยไม่มีน้ำหนักฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ คดีฟังได้ว่าจำเลยนอนร่วมกับผู้เสียหายและกอดผู้เสียหายระหว่างนอนด้วยกันดังที่ผู้เสียหายเบิกความ เห็นว่า การที่จำเลยพาผู้เสียหายไปร่วมหลับนอนด้วยดังกล่าวโดยบิดามารดาของผู้เสียหายไม่ทราบว่าผู้เสียหายไปไหน เป็นการละเมิดต่ออำนาจปกครองของบิดามารดา แม้ผู้เสียหายจะสมัครใจไปด้วยและจำเลยจะมิได้ร่วมประเวณีกับผู้เสียหาย แต่จำเลยกอดผู้เสียหายระหว่างนอนอยู่ด้วยกันดังนี้ การกระทำของจำเลยเข้าลักษณะเป็นการพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้องคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา แต่เมื่อคำนึงถึงพฤติการณ์ของจำเลยที่เพียงแต่กอดไม่ได้ร่วมประเวณีกับผู้เสียหายทั้งที่มีโอกาสจะกระทำได้ แสดงว่ารู้จักยับยั้งชั่งใจศาลชั้นต้นวางโทษจำคุกจำเลย 3 ปี ศาลฎีกาเห็นว่าหนักไป สมควรวางโทษเสียใหม่ให้เหมาะสมกับรูปคดี”
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 319 วรรคแรก จำคุก 2 ปี นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีหมายเลขแดงที่ 2678/2530 ของศาลจังหวัดสมุทรปราการ