แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ภริยาน้อยเผาเรือนซึ่งสามีและภริยาหลวงอยู่ร่วมเรือนด้วยกันไม่เป็นความผิดตามมาตรา 186(1) (อ้างฎีกาที่389/2483)
ย่อยาว
ได้ความว่าจำเลยเป็นภริยาน้อย นางเทศเป็นภริยาหลวงของนายน้อย ได้เกิดทะเลาะกันจำเลยได้เผาเรือนที่อยู่ร่วมกันนั้นไฟไหม้หมดและไหม้ทรัพย์ของนางเทศเสียหายและเพลิงนั้นน่ากลัวจะลุกลามไปไหม้บ้านเรือนของผู้อื่น แต่มีผู้ป้องกันเสียทัน ไฟจึงไม่ลุกลาม
ศาลชั้นต้นเห็นว่ามาตรา ๑๘๖ มุ่งหมายถึงการเผาเคหะสถานของผู้อื่น แต่เรือนที่จำเลยเผาก็เป็นของจำเลยมีส่วนอยู่ด้วยเท่ากับจำเลยเผาทรัพย์ตนเอง แต่การกระทำของจำเลยเป็นการน่ากลัวไฟจะลุกลามเป็นอันตรายแก่ทรัพย์สมบัติของผู้อื่น จึงมีความผิดตามมาตรา ๑๘๗ จำคุกจำเลย ๖ เดือน
โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยจุดเผาเรือนจริง การกระทำของจำเลยไม่เป็นประมาทและปรากฏว่าเรือนที่ไหม้นั้นเป็นเรือนของนายน้อยกับนางเทศอยู่กินมากกว่า ๒๐ ปี จำเลยเพิ่งมาอยู่กับนายน้อยเมื่อ ๗ – ๘ ปีนี้ จึงหาใช่เรือนของจำเลยไม่ จึงพิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา ๑๘๖(๑) จำคุกจำเลย ๑๐ ปี
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าที่จำเลยจะมีความผิดตามมาตรา ๑๘๖(๑)ได้ต้องได้ความว่าเป็นเคหะสถานของผู้อื่นดังคำพิพากษาฎีกาที่ ๓๘๙/๒๔๘๓ จริงอยู่เรือนรายที่ไหม้มิได้เป็นเรือนของจำเลยแต่ผู้เดียว แต่ก็เป็นของสามีจำเลย ต้องถือว่าจำเลยเป็นเจ้าของร่วมด้วยจึงไม่ใช่ทรัพย์ของผู้อื่นตามมาตรา ๑๘๖(๑) จึงพิพากษา ให้บังคับลงโทษจำเลยไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น