แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ต่างฝ่ายต่างสมัครใจทำร้ายกัน ซึ่งปรากฏว่าฝ่ายนายทหารเรือถูกนายเงินกับพวกยิงมีบาดเจ็บหลายแห่งถึงแก่ความตาย ฝ่ายนายเงินกับพวกไม่มีบาดเจ็บอย่างไรเลย ที่เกิดเหตุเป็นที่สาธารณะ ตามพฤติการณ์เช่นนี้ยังไม่ถือว่านายทหารเรือผู้นั้นประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามความในมาตรา 48 พ.ร.บ. บำเหน็จบำนาญฯ พ.ศ. 2494 เพราะรูปเรื่องเหตุที่จะเกิดเนื่องจากการโต้เถียงท้าทายกันอันไม่ปรากฏว่าเป็นความผิดของฝ่ายนายทหารเรือ ทำให้เกิดบันดาลโทสะขึ้นโดยปัจจุบัน ไม่ทันยั้งคิด ซึ่งย่อมอาจจะมีได้ แก่สามัญชนทั่ว ๆ ไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นมารดาของเรือโทสวาสดิ์ ซึ่งถึงแก่กรรมโดยถูกนายเงินกับพวกยิง ก่อนตายเรือโทสวาสดิ์เป็นข้าราชการประจำ สังกัดกองทัพเรือ ได้รับเงินเดือนจากงบประมาณแผ่นดิน โจทก์เป็นทายาทแต่ผู้เดียวและโจทก์ได้ไปยื่นเรื่องราวขอรับบำนาญตกทอดรายนี้ตามระเบียบราชการแล้ว จำเลยไม่ยอมจ่ายให้ ขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยจ่ายบำนาญตกทอดดังกล่าวให้โจทก์
จำเลยให้การว่า การที่ไม่จ่ายบำนาญตกทอดให้แก่ทายาทเพราะข้อเท็จจริงได้ความตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๒๐/๒๔๙๙ ว่า การที่ ร.ท. สวาสดิ์ถูกยิงตายนั้น โดย ร.ท. สวาสดิ์เป็นฝ่ายก่อเหตุพาลหาเรื่องขึ้นก่อน จึงได้เกิดการวิวาทต่อสู้ทำร้ายกันขึ้น และร.ท.สวาสดิ์ได้ถูกยิงตายในที่วิวาทนั้น การกระทำเช่นนี้ ย่อมเป็นการผิดวินัยทหารอย่างร้ายแรง ซึ่งจำเลยเห็นว่าผู้ตายเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ต้องห้ามมิให้ทายาทได้รับบำนาญตกทอดตาม พ.ร.บ. บำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๔๙๔
ปัญหามีว่า ผู้ตายได้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตาม พ.ร.บ. บำเหน็จบำนาญฯพ.ศ. ๒๔๙๔ หรือไม่
ศาลแพ่งฟังว่า เป็นเรื่องสมัครใจวิวาทกันโดย ร.ท. สวาสดิ์ เป็นผู้ก่อเหตุก่อนแล้ว ร.ท.สวาสดิ์ ได้ถูกยิงพร้อมกับ พ.ท. นพ พี่ชาย โดยฝ่ายนายเงินไม่มีบาดเจ็บเลย ศาลแพ่งเห็นว่าการกระทำของ ร.ท. สวาสดิ์ ผู้ตายถือได้ว่าประพฤติชั่ว แต่ตามพฤติการณ์ยังไม่เข้าคั่นร้ายแรงตาม พ.ร.บ. บำเหน็จบำนาญฯ พ.ศ. ๒๔๙๔ ม. ๔๘ การที่จำเลยไม่จ่ายบำนาญตกทอดให้โจทก์จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ พิพากษาให้จำเลยจ่ายบำนาญตกทอดของเรือโทสวาสดิ์ที่ค้างจ่ายถึงวันฟ้อง ๕,๑๑๖.๒๙ บาท แก่โจทก์และจากวันฟ้องเป็นรายเดือน ๆ ๑๔๑ บาท แก่โจทก์จนตลอดชีวิตโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดียังฟังไม่ได้ว่าเรือโทสวาสดิ์เป็นผู้ก่อการวิวาทขึ้น และที่เกิดยิงกันขึ้นก็ได้ความว่า ฝ่ายนายเงินได้ออกจากบ้านเที่ยวตามหา ร.ท. สวาสดิ์ก่อนและมีอาวุธปืนด้วย ฝ่าย ร.ท. สวาสดิ์ออกมาทีหลัง และปรากฏตามคำพิพากษาฎีกาเรื่องนั้นว่า ได้ยิงกันที่ทางสาธารณะ ไม่ใช่ในสวนของนายเงิน สำหรับการสมัครใจวิวาททำร้ายกันก็ไม่ใช่เป็นเรื่องทุจริตหรือข่มเหงกันข้างเดียว และอาจเกิดจากการท้าทายเหยียดหยามเป็นการเหลืออดเหลือทนก็ได้ จะเรียกว่าประพฤติชั่วไปเสียทีเดียวไม่ได้ พิพากษายืนในผลที่ให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำพิพากษาฎีกาที่จำเลยอ้างนั้น คงฟังข้อเท็จจริงว่า เป็นเรื่องต่างฝ่ายต่างสมัครใจทำร้ายกัน ซึ่งปรากฏว่าฝ่ายเรือโทสวาสดิ์ถูกนายเงินกับพวกยิงมีบาดเจ็บหลายแห่งถึงแก่ความตาย ฝ่ายนายเงินกับพวกไม่มีบาดเจ็บอย่างไรเลย และที่เกิดยิงนี้เป็นที่สาธารณะ ตามพฤติการณ์การกระทำของ ร.ท.สวาสดิ์ยังไม่พอให้ฟังว่า ร.ท. สวาสดิ์ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามความในมาตรา ๔๘ พ.ร.บ. บำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๔๙๔ เพราะรูปเรื่องเหตุที่จะเกิดคงเนื่องจากการโต้เถียงท้าทายกัน อันไม่ปรากฏว่าเป็นความผิดของเรือโทสวาสดิ์ ทำให้เกิดบันดาลโทสะขึ้นโดยปัจจุบัน ไม่ทันยั้งคิด ซึ่งย่อมอาจมีได้แก่สามัญชนทั่ว ๆ ไป
พิพากษายืน