คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7437/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยให้การต่อสู้คดี แต่จำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2538 ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ตามฟ้องเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2534 คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยฉบับลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2534 กล่าวแต่เหตุที่จำเลยขาดนัดเพียงประการเดียว ไม่ได้กล่าวโดยละเอียดและชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำชี้ขาดของศาล ส่วนข้ออ้างในคำร้องขอว่า จำเลยมาขอตรวจสำนวนเมื่อวันที่22 พฤศจิกายน 2538 และไม่สามารถขอคัดคำพิพากษาได้เพราะอยู่ในระหว่างจัดพิมพ์คำพิพากษานั้น ขัดต่อข้อเท็จจริงเพราะปรากฏในสำนวนว่าทนายจำเลยเพิ่งยื่นคำแถลงขอถ่ายเอกสารคำพิพากษาวันที่ 4 ธันวาคม 2538 ข้ออ้างตามคำร้องขอของจำเลยจึงไม่มีเหตุควรรับฟัง ดังนี้ เมื่อคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และมิได้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เช่นนี้ ศาลจึงมีคำสั่งยกคำร้องขอเสียได้โดยไม่จำเป็นต้องไต่สวนก่อน

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้อง จำเลยยื่นคำให้การสู้คดีแต่ขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ อ้างว่าไม่จงใจขาดนัดพิจารณา เหตุที่ไม่ได้ไปในวันนัดสืบพยานโจทก์เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2538 เนื่องจากทนายจำเลยเกิดความสับสนโดยเข้าใจว่าศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2538 เวลา 8.30 นาฬิกาต่อมาวันที่ 22 พฤศจิกายน 2538 ทนายจำเลยได้มาขอตรวจสำนวนคดีนี้เพื่อขอส่งสำเนาเอกสารตามบัญชีระบุพยานจึงทราบว่าศาลได้มีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาเมื่อวันที่1 พฤศจิกายน 2538 และพิพากษาคดีไปแล้ว แต่จำเลยก็ไม่สามารถขอคัดคำพิพากษาได้เพราะอยู่ในระหว่างจัดพิมพ์คำพิพากษา จึงไม่อาจคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลได้ ขอให้ทำการไต่สวนคำร้องและมีคำสั่งตามรูปคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยไม่ได้กล่าวอ้างว่าทนายจำเลยเกิดความสับสนในวันนัดสืบพยานโจทก์อย่างใด และศาลได้แจ้งวัดนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยทราบในหมายเรียกให้จำเลยให้การแก้คดีแล้ว เมื่อจำเลยให้การแก้คดีศาลมีคำสั่งรับคำให้การจำเลย และมีคำสั่งให้นัดสืบพยานโจทก์ตามที่ได้นัดไว้แล้วตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2538 ทนายจำเลยควรที่จะต้องมาตรวจสอบผลของการยื่นคำให้การภายในเวลาอันควรศาลไม่จำต้องแจ้งกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยทราบอีกที่ทนายจำเลยอ้างสับสนในวันนัดจึงฟังไม่ขึ้น แม้จะยังไม่ได้พิมพ์คำพิพากษาเพื่อให้จำเลยคัดค้านก็ตาม ข้อกล่าวอ้างของจำเลยก็ไม่มีเหตุต้องทำการไต่สวน ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในชั้นนี้คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่าศาลชั้นต้นควรไต่สวนคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยก่อนมีคำสั่งหรือไม่ เห็นว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคสอง บัญญัติข้อความว่า คำขอให้พิจารณาใหม่นั้นให้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่คู่ความได้ขาดนัดและขอคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล และในกรณีที่ยื่นคำขอล่าช้าเหตุแห่งการล่าช้านั้นด้วย บทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวมีความหมายว่าคำขอให้พิจารณาใหม่นั้น คู่ความจะต้องกล่าวถึงเหตุที่ขาดนัดประการหนึ่ง และข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลอีกประการหนึ่งโดยละเอียดและชัดแจ้งทั้งสองประการ แต่ตามคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวแต่เหตุที่จำเลยขาดนัดเพียงประการเดียวไม่ได้กล่าวโดยละเอียดและชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำชี้ขาดของศาลแม้จำเลยจะอ้างในคำร้องขอว่าจำเลยไม่สามารถขอคัดคำพิพากษาได้เพราะอยู่ในระหว่างจัดพิมพ์คำพิพากษา ก็ปรากฏว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาวันที่ 23 พฤศจิกายน 2538 จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2538 ข้อเท็จจริงปรากฏในสำนวนว่าทนายจำเลยเพิ่งยื่นคำแถลงขอถ่ายเอกสารคำพิพากษาวันที่ 4 ธันวาคม 2538 ข้ออ้างตามคำร้องขอจึงไม่มีเหตุควรรับฟัง คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวข้างต้น เมื่อคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยมิได้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เช่นนี้ ศาลชั้นต้นจึงไม่จำเป็นต้องไต่สวนก่อนมีคำสั่งดังที่จำเลยฎีกา
พิพากษายืน

Share