แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ตามคำร้องขอของจำเลยที่ขอให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่นั้นระบุว่า จำเลยเคยกู้เงินโจทก์เป็นการส่วนตัว และวางหนังสือรับรองการทำประโยชน์เพื่อประกันการชำระหนี้ของจำเลยต่อโจทก์ เมื่อจำเลยชำระหนี้ดังกล่าวแก่โจทก์แล้ว โจทก์บ่ายเบี่ยงไม่ยอมคืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์แก่จำเลย จำเลยไม่เคยเกี่ยวข้องผูกพันเข้ารับภาระหนี้ใด ๆ ซึ่ง ม. จะมีต่อโจทก์หรือไม่ จำเลยไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย ตามคำร้องขอของจำเลยแสดงให้เห็นแล้วว่า จำเลยได้ปฏิเสธว่ามิได้เป็นหนี้โจทก์ตามสัญญาค้ำประกันเงินกู้ ม. ดังคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นและตามคำร้องขอของจำเลยนี้ก็แสดงอยู่ในตัวว่าจำเลยมีทางชนะคดีในเมื่อมีการพิจารณาคดีใหม่ กรณีจึงถือได้ว่าคำร้องขอของจำเลยได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง ในอันที่ศาลจะสั่งให้มีการพิจารณาคดีใหม่ได้ ส่วนในชั้นไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่นั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ศาลไต่สวนพิจารณาต่อไปเพียงว่า มีเหตุสมควรเชื่อว่า คู่ความฝ่ายที่ขาดนัดนั้นมาศาลไม่ได้หรือไม่เท่านั้น จำเลยจึงไม่ต้องนำสืบเกี่ยวกับข้อคัดค้านคำชี้ขาดของศาลชั้นต้นเพื่อให้เห็นว่าตนจะชนะคดีอย่างไรอีก
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันจำเลยให้การต่อสู้คดีแต่ขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียวแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 672,191 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ อ้างเหตุว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณา
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า คำร้องของจำเลยไม่มีข้อคัดค้านคำชี้ขาดตัดสินของศาลขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้พิจารณาใหม่
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยมีสิทธิ ขอให้พิจารณาคดีใหม่หรือไม่ ที่โจทก์ฎีกาว่า ตามคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยหาใช่โต้แย้งคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้น เพื่อแสดงว่าตนจะชนะคดีอย่างไรทั้งตามทางไต่สวน จำเลยก็ไม่ได้นำสืบข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้น เพื่อแสดงว่าตนจะชนะคดีอย่างไร เมื่อจำเลยไม่มีทางชนะคดีก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาคดีใหม่นั้น เห็นว่า ตามคำร้องขอของจำเลย ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2538 ที่ขอให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่นั้น จำเลยได้กล่าวในคำร้องว่า จำเลยเคยกู้เงินโจทก์อันเป็นการส่วนตัว และได้วางหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามฟ้อง เพื่อประกันการชำระหนี้ของจำเลยต่อโจทก์ เมื่อจำเลยชำระหนี้ดังกล่าวแก่โจทก์แล้วโจทก์กลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมคืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ดังกล่าวแก่จำเลย จำเลยไม่เคยเกี่ยวข้องผูกพันเข้ารับภาระหนี้ใด ๆ ซึ่งนายมานิตย์ สนธิไชย จะมีต่อโจทก์หรือไม่ จำเลยไม่มีส่วนรู้เห็นด้วยจะเห็นได้ว่าตามคำร้องขอของจำเลย แสดงว่าจำเลยได้ปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ตามสัญญาค้ำประกันเงินกู้นายมานิตย์ ดังคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นและตามคำร้องขอของจำเลยนี้ก็แสดงอยู่ในตัวว่าจำเลยมีทางชนะคดีในเมื่อมีการพิจารณาคดีใหม่ กรณีจึงถือได้ว่าคำร้องขอของจำเลยได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง ในอันที่ศาลจะสั่งให้มีการพิจารณาคดีใหม่ได้ ส่วนในชั้นไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่นั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ศาลไต่สวนพิจารณาต่อไปเพียงว่า มีเหตุสมควรเชื่อว่าคู่ความฝ่ายที่ขาดนัดนั้นมาศาลไม่ได้หรือไม่เท่านั้น จำเลยจึงไม่ต้องนำสืบเกี่ยวกับข้อคัดค้านคำชี้ขาดของศาลชั้นต้นเพื่อให้เห็นว่าตนจะชนะคดีอย่างไรอีก ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน