คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7399/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

บทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 176 วรรคหนึ่ง มีความหมายว่า สำหรับความผิดที่กฎหมายกำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไปหรือโทษสถานที่หนักกว่านั้น แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพต่อศาลว่าได้กระทำความผิดตามฟ้อง ศาลก็ยังต้องฟังพยานหลักฐานของโจทก์ให้เป็นที่พอใจก่อนว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริงตามที่ให้การรับสารภาพจึงจะพิพากษาลงโทษจำเลยได้ ทั้งนี้เพื่อเป็นหลักประกันเสรีภาพของจำเลยในคดีอาญาที่มีอัตราโทษสูงมิให้ต้องรับโทษหนักหรือเกินกว่าความผิดที่ตนเองกระทำ อย่างไรก็ดี พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบประกอบคำรับสารภาพของจำเลยไม่จำต้องได้ความชัดแจ้งโดยปราศจากข้อสงสัยดังเช่นในคดีที่จำเลยให้การปฏิเสธ เพียงแต่ประกอบคำให้การรับสารภาพของจำเลยให้เป็นที่พอใจศาลว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริงก็เป็นการเพียงพอแล้วที่ศาลจะลงโทษจำเลยโดยอาศัยพยานหลักฐานนั้น เพราะเป็นกรณีที่โจทก์เพียงแต่นำสืบพยานหลักฐานให้เห็นเป็นเค้ามูลเพื่อประกอบคำรับสารภาพของจำเลยเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง(ที่ถูกเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แต่ละบทโทษเท่ากันให้ลงโทษฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน) ลงโทษจำคุก 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี6 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบประกอบคำรับสารภาพของจำเลยมีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำเลยได้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อดังที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ เห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรคหนึ่งบัญญัติว่า “ในชั้นพิจารณาถ้าจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องศาลจะพิพากษาโดยไม่สืบพยานหลักฐานต่อไปก็ได้ เว้นแต่คดีที่มีข้อหาในความผิดซึ่งจำเลยรับสารภาพนั้น กฎหมายกำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไปหรือโทษสถานที่หนักกว่านั้น ศาลต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง…” บทบัญญัติดังกล่าวมีความหมายว่า สำหรับความผิดที่กฎหมายกำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป หรือโทษสถานที่หนักกว่านั้น แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพต่อศาลว่าได้กระทำความผิดตามฟ้อง ศาลก็ยังต้องฟังพยานหลักฐานของโจทก์ให้เป็นที่พอใจก่อนว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริงตามที่ให้การรับสารภาพจึงจะพิพากษาลงโทษจำเลยได้ ทั้งนี้ เพื่อเป็นหลักประกันเสรีภาพของจำเลยในคดีอาญาที่มีอัตราโทษสูงมิให้ต้องรับโทษหนักหรือเกินกว่าความผิดที่ตนเองกระทำ อย่างไรก็ดีพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบประกอบคำรับสารภาพของจำเลยไม่จำต้องได้ความชัดแจ้งโดยปราศจากข้อสงสัยดังเช่นในคดีที่จำเลยให้การปฏิเสธเพียงแต่ประกอบคำให้การรับสารภาพของจำเลยให้เป็นที่พอใจศาลว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริง ก็เป็นการเพียงพอแล้วที่ศาลจะลงโทษจำเลยโดยอาศัยพยานหลักฐานนั้น เพราะเป็นกรณีที่โจทก์เพียงแต่นำสืบพยานหลักฐานให้เห็นเป็นเค้ามูลเพื่อประกอบคำรับสารภาพของจำเลยเท่านั้น สำหรับคดีนี้ แม้โจทก์จะมีร้อยตำรวจตรีไสยู ดีสะท้าน เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรกิ่งอำเภอหนองมะโมงจังหวัดชัยนาท เพียงปากเดียวเป็นพยานเบิกความว่า ได้สืบทราบว่าจำเลยมีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่ชาวบ้านในละแวกนั้นจึงได้ใช้ให้สายลับไปล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยและสามารถซื้อได้ 1 เม็ด ในราคา 100 บาท โดยพยานมิได้รู้เห็นเหตุการณ์ในขณะที่มีการล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนดังกล่าว และโจทก์ไม่ได้นำสายลับผู้ล่อซื้อมาเบิกความเป็นพยานต่อศาลก็ตาม แต่พยานปากนี้ก็ยืนยันว่าพยานได้พาสายลับไปปล่อยไว้ใกล้กับบ้านของจำเลย โดยพยานรออยู่ห่างจากจุดดังกล่าวประมาณ 100 เมตร หลังจากนั้นไม่นานสายลับนำเมทแอมเฟตามีน 1 เม็ด ของกลางไปมอบให้แก่พยานโดยบอกว่าซื้อมาจากจำเลยในราคา 100 บาท เมื่อพยานเข้าไปที่บ้านของจำเลยและตรวจค้นตัวจำเลยก็พบธนบัตรที่ใช้ล่อซื้ออยู่ในกระเป๋ากางเกงที่จำเลยสวมอยู่สมจริง พยานจึงจับกุมจำเลยยึดเมทแอมเฟตามีนของกลางและธนบัตรฉบับดังกล่าวมาเป็นของกลางประกอบคดีโดยจำเลยมิได้ถามค้านพยานปากนี้ให้เห็นข้อพิรุธอันจะเป็นเหตุให้ระแวงสงสัยในถ้อยคำของพยานแต่ประการใด ส่วนที่จำเลยหยิบยกเอาปัญหาปลีกย่อยหลายข้ออันเป็นพลความขึ้นอ้างในฎีกา เป็นต้นว่า หากจำเลยมีพฤติการณ์จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนก็น่าจะพบเมทแอมเฟตามีนที่บ้านของจำเลยด้วย แต่ผลการตรวจค้นบ้านของจำเลยไม่พบเมทแอมเฟตามีนจำนวนอื่นเลย รวมทั้งข้อที่ว่าหากสายลับล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางจากจำเลยจริง เจ้าพนักงานตำรวจก็น่าจะค้นตัวจำเลยก่อนตรวจค้นบ้านพักซึ่งจำเลยเห็นว่าเป็นข้อพิรุธในคำพยานโจทก์ทำให้ไม่น่าเชื่อว่าจำเลยได้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่สายลับนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ปัญหาที่จำเลยยกขึ้นฎีกาเป็นเรื่องที่จำเลยคาดคิดไปเองไม่ใช่ข้อพิรุธอันควรระแวงสงสัยในคำพยานโจทก์แต่ประการใด ที่ศาลล่างทั้งสองเห็นว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบประกอบคำรับสารภาพของจำเลยเป็นที่พอใจว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวให้แก่สายลับ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share