แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยอายุ 19 ปี เป็นโรคจิตเภท ลักรถยนต์ในเวลารู้ผิดชอบอยู่บ้าง ศาลลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65 วรรค 2คงจำคุก 8 เดือน และรอการลงโทษ
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยมีสติผู้ผิดชอบดี พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 83, 76, 78 จำคุก 1 ปี 8 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ลดโทษตามมาตรา 65 วรรคสองด้วย จำคุก 8 เดือน รอการลงโทษไว้ 3 ปี ให้โอกาสรักษาและกลับตัวเป็นคนดี โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยกับพวก ได้ร่วมกันลักรถยนต์ของนางเพลินพิศผู้เสียหายไปจริง ปัญหามีว่า จำเลยกระทำผิดในขณะมีโรคจิต แต่ยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้างหรือไม่ นายแพทย์วิทยา นาควัชระ ผู้ตรวจสุขภาพจิตของจำเลยซึ่งศาลเรียกมาเป็นพยานเบิกความว่า จำเลยเป็นโรคจิตประเภท ไม่เป็นคนปกติ คือไม่สามารถรับรู้สภาพความเป็นจริงได้เป็นปกติ ทำอะไรอาจจะผิดปกติวิสัย จำเลยจะอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นได้ลำบาก หากมิได้รับการรักษาอาจทำความเดือดร้อนให้แก่สังคม โดยคิดว่าสิ่งที่ตนกระทำไปนั้นถูกต้อง และอาจจะเป็นมาแล้วเป็นเดือนหรือปีก็ได้ เห็นว่า นายแพทย์วิทยา นาควัชระ มิได้เบิกความยืนยันว่า อาการของโรคจิตเภทนี้เป็นในบางเวลา จึงต้องฟังว่า อาการของโรคนี้เป็นติดตัวจำเลยตลอดไปจนกว่าจะได้รับการบำบัดให้หาย พันเอกหญิงพิศวง ศรไชย มารดาจำเลยและนายปริญญา เทวผลิน พยานจำเลยเบิกความว่า จำเลยเป็นโรคปัญญาอ่อนมาตั้งแต่เป็นเด็ก มีอาการผิดปกติบุคคลธรรมดา การที่จำเลยเป็นโรคจิตเภท แต่ยังสามารถต่อสายไฟใหม่โดยดึงสายไฟจากสวิตมาต่อใหม่ แล้วสต้าทเครื่องยนต์ติดได้ แสดงว่าจำเลยมีความรู้ผิดชอบอยู่บ้าง หาใช่จำเลยมีความรู้ผิดชอบโดยสมบูรณ์เยี่ยงบุคคลธรรมดาไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ขณะจำเลยกระทำการลักรถยนต์ จำเลยเป็นโรคจิตเภท แต่จำเลยยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65 วรรคสอง”
พิพากษายืน