คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2325/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้สัญญาค้ำประกันมิได้ปิดอากรแสตมป์ ซึ่งตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 ห้ามมิให้ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่ง แต่จำเลยได้ให้การและนำสืบรับเข้ามาว่าได้ลงชื่อในสัญญาค้ำประกันดังกล่าวจริง ศาลจึงไม่จำเป็นต้องใช้สัญญาค้ำประกันเป็นพยานหลักฐานประกอบการพิจารณาคดี
จำเลยค้ำประกัน ธ.ที่ทำงานกับโจทก์ 100,000 บาท ธ.ยักยอกทรัพย์ของโจทก์ โจทก์จำเลยยอมความกัน โจทก์ลดจำนวนเงินลงเหลือ 380,000 บาท ธ.ยอมใช้เงินโดยชำระในวันนั้นส่วนหนึ่ง ที่เหลือมี น.น้อง ธ.และภริยา ธ.ออกเช็คลงวันล่วงหน้าให้กับทำสัญญาค้ำประกันให้ด้วย โจทก์ถอนคำร้องทุกข์ ศาลจำหน่ายคดีที่ ธ.ถูกฟ้องเรื่องยักยอกเช็คของน.และ ธ.รับเงินไม่ได้ โจทก์ฟ้องจำเลยตามสัญญาค้ำประกันได้ การที่โจทก์ลดหนี้ให้ ธ. และ ธ.ยังไม่ได้ใช้หนี้ หนี้เดิมยังไม่ระงับ และ ธ.ไม่ได้สละสิทธิหรือได้สิทธิอะไรจากโจทก์ ไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ หนี้เดิมยังอยู่ โจทก์ฟ้องจำเลยตามสัญญาค้ำประกันเดิมให้จำเลยรับผิด 100,000 บาทได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ว่าจ้างนายธวัชชัยเป็นพนักงานสถานธนานุบาลของโจทก์ในตำแหน่งผู้จัดการดำเนินกิจการเทศพาณิชย์ ของสถานธนานุบาลดังกล่าว โดยนายธวัชชัยได้ทำสัญญากับโจทก์ว่า หากปฏิบัติหน้าที่บกพร่องเป็นเหตุให้โจทก์เสียหายแล้ว นายธวัชชัยยอมใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ก่อนว่าจ้างจำเลยได้ทำหนังสือสัญญาค้ำประกันไว้ต่อโจทก์ว่าหากนายธวัชชัยประพฤติผิดสัญญาหรือบกพร่อง ในการปฏิบัติหน้าที่โจทก์ได้รับความเสียหายใด ๆ จำเลยยอมชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ภายในวงเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ต่อมานายธวัชชัยกับพวกได้ยักยอกเงินของสถานธนานุบาลของโจทก์ไป ๕๕๖,๗๘๔ บาท โจทก์ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนดำเนินคดีอาญาฐานยักยอกแก่นายธวัชชัยกับพวก โดยเฉพาะนายธวัชชัยให้รับผิดชอบ ๓๘๐,๐๐๐ บาท นายธวัชชัยยอมรับว่ายักยอกไปจริงและขอประนีประนอมยอมความกับโจทก์ โดยขอผ่อนชำระหนี้ ๑๑ งวดโจทก์ตกลงยินยอมและถอนคำร้องทุกข์คดีอาญา แต่นายธวัชชัยชำระเงินให้โจทก์เพียงงวดเดียว

Share