คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7320/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ. 2528 มาตรา 91 ตรี ในคดีนี้จะเป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ในคดีก่อน แต่ขณะที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ นอกจากคดีก่อนยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นแล้ว คดีดังกล่าวยังเสร็จสิ้นไปเพราะศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีเนื่องจากผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ อันถือไม่ได้ว่าศาลได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่โจทก์ฟ้อง ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ยังไม่ระงับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)(4)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 17 พฤษภาคม 2542 เวลาประมาณ18 นาฬิกา ถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2542 เวลากลางคืนหลังเที่ยงทั้งเวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยประกอบธุรกิจจัดหางานให้นางสาวฐิตารีย์ พูลเพิ่มผล คนหางาน เพื่อไปทำงานในต่างประเทศที่ประเทศสิงคโปร์ โดยเรียกค่าบริการจากนางสาวฐิตารีย์ 35,000 บาทเป็นค่าตอบแทน ทั้งนี้โดยจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง และจำเลยหลอกลวงนางสาวฐิตารีย์ผู้เสียหายว่าสามารถหางานและจัดส่งผู้เสียหายไปทำงานในหน้าที่ช่วยทำอาหารหรือเสริฟอาหารในร้านขายอาหารไทยในประเทศสิงคโปร์ได้ แต่จะต้องเสียค่าบริการและค่าใช้จ่ายให้จำเลย 35,000 บาท ซึ่งเป็นความเท็จความจริงจำเลยไม่สามารถส่งผู้เสียหายไปทำงานดังกล่าวได้ เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อยอมมอบเงินให้จำเลยไป 35,000 บาท ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528มาตรา 4, 30, 82, 91 ตรี ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 30 วรรคหนึ่ง,82, 91 ตรี เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ฐานจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 3 ปี ฐานหลอกลวงผู้อื่นว่าหางานในต่างประเทศได้จำคุก 3 ปี รวมจำคุก 6 ปี จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 3 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องในความผิดฐานประกอบธุรกิจจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 30 วรรคหนึ่ง, 82 คงจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี 6 เดือน ในความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 91 ตรี เพียงกระทงเดียว

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1339/2542 หมายเลขแดงที่ 23/2543ของศาลชั้นต้น เพราะจำเลยหลอกลวงนางสาวฐิตารีย์ผู้เสียหายเพียงครั้งเดียวและพนักงานอัยการได้ฟ้องจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงเป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1339/2542 หมายเลขแดงที่ 23/2543 ไปแล้วเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2542 การที่โจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีกจึงเป็นฟ้องซ้ำกับคดีดังกล่าว เห็นว่า แม้ความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528มาตรา 91 ตรี ในคดีนี้จะเป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ในคดีหมายเลขแดงที่ 23/2543 ของศาลชั้นต้น แต่ก็ปรากฏในฎีกาของจำเลยเองว่าขณะที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้คดีหมายเลขแดงที่ 23/2543ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น และคดีดังกล่าวเสร็จสิ้นไปเพราะศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีเนื่องจากนางสาวฐิตารีย์ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์อันถือไม่ได้ว่าศาลได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้แล้ว ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับฟ้องของโจทก์ในคดีหมายเลขแดงที่ 23/2543 ของศาลชั้นต้น สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงยังไม่ระงับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2)(4)

ส่วนที่จำเลยขอให้รอการลงโทษ เห็นว่า สมควรรอการลงโทษไว้เพื่อให้โอกาสจำเลยได้กลับตนเป็นพลเมืองดีต่อไป แต่เพื่อให้จำเลยหลาบจำและป้องกันไม่ให้จำเลยกลับไปกระทำความผิดอีก เห็นสมควรให้ลงโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่งด้วย

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษปรับ 60,000 บาท อีกสถานหนึ่งลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้กึ่งหนึ่งแล้ว คงปรับ30,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share