แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
++ เรื่อง การค้าระหว่างประเทศ รับขนของทางทะเล ประกันภัย รับช่วงสิทธิ ++
++ ทดสอบทำงานในระบบ CW เพื่อค้นหาข้อมูลททาง online ++
++
++
++
++ คดีนี้โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยรับช่วงสิทธิจากบริษัทศิริผลมหานคร จำกัด ผู้เอาประกันภัยจำนวน 582,295.18บาท และรับช่วงสิทธิจากห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส.ที.เอ.อินเตอร์เนชั่นแนลโปรดักส์ ผู้เอาประกันภัยอีกรายหนึ่งจำนวน 35,390.02 บาท มาฟ้องเรียกร้องเอาจากจำเลยเป็นคดีเดียวกัน
++ การพิจารณาสิทธิในการอุทธรณ์ต้องถือทุนทรัพย์ในการรับช่วงสิทธิแต่ละรายแยกกัน เมื่อทุนทรัพย์ที่โจทก์รับช่วงสิทธิจากห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส.ที.เอ.อินเตอร์เนชั่นแนล โปรดักส์มาฟ้องเป็นคดีนี้ มีจำนวนไม่เกิน 50,000 บาท คดีในส่วนนี้จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 วรรคหนึ่ง
++ อุทธรณ์ของจำเลยที่ว่า กากเม็ดทานตะวันไม่ได้สูญหายในระหว่างการขนส่ง โจทก์จึงไม่มีหน้าที่ต้องชำระค่าเสียหายและไม่อาจรับช่วงสิทธิมาฟ้องจำเลยนั้น เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยในส่วนนี้เป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ต้องถือว่าข้อเท็จจริงได้ยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แม้โจทก์จะฎีกาต่อมาศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัย
++
++ สำหรับกรณีโจทก์รับช่วงสิทธิจากบริษัทศิริผลมหานคร จำกัดนั้น ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยกากถั่วเหลืองจากบริษัทศิริผลมหานคร จำกัด ที่จำเลยเป็นผู้ขนส่งโดยใช้เรือเตาฮัวหลิงจากเมืองแดนดอง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนมายังท่าเรือในประเทศไทย เพื่อส่งมอบให้แก่บริษัทศิริผลมหานคร จำกัด ผู้รับตราส่งต่อมาเมื่อเรือเตาฮัวหลิงเดินทางมาถึงท่าเรือในประเทศไทย ปรากฏว่าบริษัทศิริผลมหานคร จำกัด ได้รับมอบกากถั่วเหลืองไม่ครบจำนวนตามที่ระบุไว้ในใบตราส่งเอกสารหมาย จ.16 ถึง จ.19 โดยขาดไป 123.57เมตริกตัน โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน582,295.15 บาท ให้แก่บริษัทศิริผลมหานคร จำกัด ผู้เอาประกันภัยไปเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2537 และรับช่วงสิทธิมาเรียกร้องเอาแก่จำเลยผู้ขนส่ง
++
++ มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า กากถั่วเหลืองที่ขนส่งได้สูญหายไปในระหว่างการขนส่งทางทะเลอันจะทำให้จำเลยผู้ขนส่งต้องรับผิดสำหรับความสูญหายดังกล่าวต่อบริษัทศิริผลมหานคร จำกัด ผู้รับตราส่งหรือไม่ เพียงใด
++ เห็นว่า โจทก์มีใบตราส่งเอกสารหมาย จ.16ถึง จ.19 ใบกำกับสินค้าเอกสารหมาย จ.8 ถึง 11 และหนังสือรับรองการตรวจสอบน้ำหนักเอกสารหมาย จ.12 ถึง จ.15 มาแสดงว่าบริษัทเซรอยฟู๊ด เลียนนิ่ง เซรีลส์ แอนด์ ออยล์ อิมปอร์ต แอนด์ เอ็กซ์ปอร์ตจำกัด ผู้ส่งได้ส่งกากถั่วเหลืองจำนวน 4,773.150 เมตริกตัน มาให้บริษัทศิริผลมหานคร จำกัด ทางเรือเดินทะเลชื่อเตาฮัวหลิง โดยผู้แทนเรือเตาฮัวหลิงของจำเลยผู้ขนส่งได้ลงชื่อออกใบตราส่งเอกสารหมายจ.16 ถึง จ.19 ระบุว่า กากถั่วเหลืองดังกล่าวได้บรรทุกบนเรือในลักษณะเทกอง (IN BULK) รวมน้ำหนัก 4,773.150 เมตริกตัน ตั้งแต่วันที่28 กันยายน 2536 แม้จะได้ความว่า การขนส่งรายนี้เป็นการขนส่งแบบF.I.O.S.T. ซึ่งผู้ส่งมีหน้าที่บรรทุกของลงเรือด้วยค่าใช้จ่ายของตนเองก็ตาม แต่ก่อนการบรรทุกกากถั่วเหลืองลงเรือก็ได้มีการตรวจสอบน้ำหนักของกากถั่วเหลืองโดยนำไปชั่งน้ำหนักบนตาชั่งที่ตรวจสอบแล้วและชั่งน้ำหนักได้ 4,773.150 เมตริกตัน ปรากฏตามหนังสือรับรองการตรวจสอบน้ำหนักของสำนักงานตรวจสอบสินค้านำเข้าและส่งออกแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนสาขาเลียนนิ่ง เอกสารหมาย จ.12 ถึง จ.15 การที่เรือเตาฮัวหลิงของจำเลยผู้ขนส่งออกใบตราส่งเอกสารหมาย จ.16 ถึง จ.19 ให้แก่ผู้ส่งสินค้าโดยระบุว่าผู้ส่งสินค้าได้ส่งกากถั่วเหลืองลงเรือแล้วในลักษณะเทกอง และระบุจำนวนน้ำหนักไว้ชัดเจนว่ากากถั่วเหลืองมีน้ำหนักจำนวน4,773.150 เมตริกตัน ตรงกับน้ำหนักที่ระบุไว้ในหนังสือรับรองการตรวจสอบน้ำหนักเอกสารหมาย จ.12 ถึง จ.15 และใบกำกับสินค้าเอกสารหมาย จ.8 ถึง จ.11 ซึ่งเป็นน้ำหนักที่ระบุโดยผู้ส่ง
++ จึงเชื่อได้ว่าผู้ส่งของได้ส่งมอบกากถั่วเหลืองลงเรือเตาฮัวหลิงครบจำนวนตามที่ระบุไว้ในใบตราส่งคือจำนวน 4,773.150 เมตริกตัน แต่ต่อมาเมื่อเรือเตาฮัวหลิงเดินทางมาถึงประเทศไทย นายสราวุธ ภู่เจริญยศ พนักงานของบริษัท พี แอนด์ เอ แอดจัสเม้นท์ จำกัด ซึ่งโจทก์ว่าจ้างให้สำรวจความเสียหายของสินค้าพยานโจทก์เบิกความว่า นายสราวุธได้ทำการสำรวจกากถั่วเหลืองแล้ว ปรากฏว่ากากถั่วเหลืองที่ขนถ่ายออกจากเรือทั้งหมดมีน้ำหนัก 4,649.58 เมตริกตัน ขาดจำนวนจากใบตราส่งไป123.57 เมตริกตัน หรือร้อยละ 2.59 ตามรายงานการสำรวจพร้อมคำแปลเอกสารหมาย จ.22 และ จ.24
++ นายสราวุธเป็นพนักงานของบริษัทที่ประกอบธุรกิจรับจ้างสำรวจความสูญหายและเสียหายของสินค้าไม่มีส่วนได้เสียกับฝ่ายใด คำเบิกความจึงมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ
++ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า กากถั่วเหลืองที่ขนส่งได้สูญหายขาดจำนวนไปในระหว่างการขนส่งทางทะเลซึ่งจำเลยผู้ขนส่งต้องรับผิดในความสูญหายดังกล่าวต่อผู้รับตราส่งซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยสินค้าดังกล่าวไว้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์ผู้รับประกันภัยได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความสูญหายของสินค้าให้แก่ผู้เอาประกันตามสัญญาประกันภัยทางทะเลไป โจทก์ย่อมรับช่วงสิทธิดังกล่าวของผู้เอาประกันมาเรียกร้องเอาแก่จำเลยผู้ขนส่งสินค้านั้นได้
++ ส่วนปัญหาว่า เรียกร้องได้เพียงใดนั้น
++ แม้จะได้ความจากคำเบิกความของนายสราวุธประกอบรายงานการสำรวจเอกสารหมาย จ.22 และ จ.24 ว่า ในการขนถ่ายสินค้าใช้เครื่องตักก้ามปูตักกากถั่วเหลืองจากเรือลงรถยนต์บรรทุกแล้วแล่นไปชั่งน้ำหนักบนเครื่องชั่งซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกัน การขนถ่ายโดยวิธีการใช้เครื่องตักดังกล่าวทำให้กากถั่วเหลืองร่วงหล่นสูญเสียไปบ้างเล็กน้อยซึ่งผู้รับตราส่งต้องรับผิดชอบในความเสียหายส่วนนี้เอง เพราะเป็นผู้มีหน้าที่ขนถ่ายสินค้าลงจากเรือตามข้อตกลงในการขนส่งแบบ F.I.O.S.T. ก็ตามแต่ก็ปรากฏว่าโจทก์ได้หักค่าเสียหายส่วนนี้ให้แล้ว โดยหักเป็นความเสียหายส่วนแรกที่ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดชอบ แต่ผู้รับตราส่งซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเองตามเงื่อนไขการคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย จ.4 ถึง จ.7 จำนวนร้อยละ 1 ของน้ำหนักสินค้าทั้งหมดซึ่งคิดเป็นจำนวน 47.731 เมตริกตัน ออกจากน้ำหนักสินค้าขาดจำนวนทั้งหมด คงเหลือน้ำหนักสินค้าขาดจำนวนสุทธิ 75.839 เมตริกตัน คำนวณเป็นเงินค่าเสียหายที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องทั้งสิ้น 582,295.15 บาท รายละเอียดปรากฏตามหนังสือเรียกร้องเอกสารหมาย จ.29 และ จ.30 จำเลยจึงต้องรับผิดชำระเงินค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวให้แก่โจทก์ ++
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์ประกอบกิจการรับประกันวินาศภัย เมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๓๖ โจทก์ทำสัญญารับประกันภัยกากถั่วเหลืองให้ไว้แก่บริษัทศิริผลมหานคร จำกัด ผู้รับตราส่ง จำนวน๔,๗๗๓.๑๕ เมตริกตัน ที่ขนส่งทางทะเลมาจากเมืองแดนดอง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยเรือเตาฮัวหลิง มีข้อสัญญาว่า หากกากถั่วเหลืองที่ขนส่งได้รับความเสียหายหรือสูญหายอย่างหนึ่งอย่างใด โจทก์จะชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้รับตราส่งในวงเงินประกันภัย สินค้าดังกล่าวบริษัทเซรอยฟู้ด เลียนนิ่ง เซรีลส์ แอนด์ ออยล์ อิมปอร์ตแอนด์เอ็กซ์ปอร์ต จำกัดผู้ส่ง ได้ว่าจ้างให้จำเลยขนส่งเพื่อส่งมอบให้แก่บริษัทศิริผลมหานคร จำกัดผู้รับตราส่งในประเทศไทย เมื่อเรือเตาฮัวหลิงเดินทางมาถึงท่าเรือที่จังหวัดสมุทรปราการเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๓๖ ปรากฏว่าจำเลยส่งมอบกากถั่วเหลืองให้แก่ผู้รับตราส่งไม่ครบ โดยขาดน้ำหนักไป ๑๒๓.๕๗เมตริกตัน คิดเป็นเงิน ๗๙๐,๖๔๖.๕๘ บาท ซึ่งความเสียหายดังกล่าวเกิดขึ้นขณะอยู่ในความดูแลของจำเลยผู้ขนส่ง ผู้รับตราส่งได้ทวงถามให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแล้ว จำเลยเพิกเฉย โจทก์จึงได้ชดใช้ค่าเสียหาย๕๘๒,๒๙๕.๑๕ บาท แก่ผู้รับตราส่ง และเมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๓๖โจทก์ทำสัญญารับประกันภัยกากเม็ดทานตะวันให้ไว้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดเอส.ที.เอ.อินเตอร์เนชั่นแนลโปรดักส์ ผู้รับตราส่ง จำนวน ๑๓,๗๑๘กระสอบ น้ำหนัก ๗๒๙.๘๐ เมตริกตัน ที่ขนส่งทางทะเลจากเมืองดาเลียนประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยเรือยงเหนียน เพื่อส่งมอบให้แก่ผู้รับตราส่งที่กรุงเทพมหานคร สินค้าดังกล่าวบริษัทชางชุนแมชชินเนอรี่ เคมีคัลส์แอนมินเนอรัลส์ อิมปอร์ตแอนด์เอ็กปอร์ต จำกัด ผู้ส่ง ได้ว่าจ้างให้จำเลยขนส่งเพื่อมอบให้แก่ผู้รับตราส่ง เรือยงเหนียนเดินทางมาถึงท่าเรือกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๓๖ ปรากฏว่ากากเม็ดทานตะวันขาดไป ๑๘๕ กระสอบ น้ำหนัก ๘,๘๗๐ กิโลกรัม คิดเป็นค่าเสียหาย๓๕,๓๙๐.๐๒ บาท ผู้รับตราส่งเรียกร้องให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแล้วจำเลยเพิกเฉย โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวให้แก่ผู้รับตราส่งแล้วจำเลยไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวแก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน ๖๒๓,๑๙๑.๐๙ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ต่อปี ของต้นเงิน ๖๑๗,๖๘๕.๑๗ บาท นับแต่วันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๓๗จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นผู้ขนส่งสินค้าพิพาทจากผู้ส่งตามฟ้อง แต่เป็นการขนส่งโดยมีข้อตกลงแบบ F.I.O.S.T. ซึ่งผู้ขายหรือผู้ส่ง ณ ประเทศต้นทางมีหน้าที่รับผิดชอบนำสินค้าบรรทุกลงเรือเองเมื่อเรือบรรทุกสินค้ามาถึงปลายทาง ผู้รับตราส่งหรือตัวแทนเป็นผู้รับผิดชอบขนถ่ายสินค้าขึ้นจากเรือโดยผู้ขนส่งไม่เกี่ยวข้อง หากสินค้าสูญหายหรือเสียหายระหว่างการนำสินค้าลงเรือหรือขนถ่ายขึ้นจากเรือ ผู้ขนส่งไม่ต้องรับผิดชอบ เรือเตาฮัวหลิงที่บรรทุกกากถั่วเหลืองเดินทางมาถึงจังหวัดสมุทรปราการ ผู้รับตราส่งเป็นผู้ขนถ่ายสินค้าขึ้นจากเรือจนหมดระวาง สินค้าไม่ได้สูญหายระหว่างการขนส่ง หากกากถั่วเหลืองสูญหาย๑๒๓.๕๗ เมตริกตัน คิดเป็นร้อยละ ๒.๘ ของสินค้าทั้งหมด จำเลยไม่ต้องรับผิด เรือยงเหนียนซึ่งบรรทุกกากเม็ดทานตะวันมาถึงท่าเรือกรุงเทพมหานคร ผู้รับตราส่งได้ขนถ่ายสินค้าขึ้นจากเรือจนหมดระวางผู้รับตราส่งได้รับกากเม็ดทานตะวันครบตามจำนวนแล้ว ไม่มีการสูญหายหากกากเม็ดทานตะวันสูญหายจริง โจทก์ไม่ต้องรับผิดตามกรมธรรม์เพราะมีเงื่อนไขว่าโจทก์ไม่ต้องรับผิดส่วนแรกอัตราร้อยละ ๐.๔๕ ของจำนวนสินค้าทั้งหมด โจทก์ชำระค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้รับตราส่งโดยฝ่าฝืนเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัย โจทก์ไม่มีสิทธิรับช่วงสิทธิมาเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน๖๒๓,๑๙๐.๐๙ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน๖๑๗,๖๘๕.๑๗ บาท นับแต่วันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๓๗ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความ๒๐,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความรวม๓๐,๐๐๐ บาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่า เมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๓๖ โจทก์ทำสัญญารับประกันภัยกากถั่วเหลืองน้ำหนัก ๔,๗๗๓.๑๕ เมตริกตัน ให้ไว้แก่บริษัทศิริผลมหานครจำกัด ผู้รับตราส่งที่ขนส่งทางทะเลจากเมืองแดนดอง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยยอมรับผิดภายในวงเงินประกันตามกรมธรรม์ประกันภัยหมาย จ.๔ ถึง จ.๗ สัญญาว่าจะคุ้มครองความเสียหายหรือสูญหายของสินค้าที่ได้รับประกันภัยในระหว่างการขนส่ง ในการขนส่งสินค้าดังกล่าวบริษัทเซรอยฟู้ด เลียนนิ่ง เซรีลส์ แอนด์ ออยล์ อิมปอร์ตแอนด์เอ็กซ์ปอร์ตจำกัด ผู้ส่งได้ว่าจ้างให้จำเลยขนส่งสินค้าโดยใช้เรือเตาฮัวหลิงเพื่อส่งมอบให้แก่ผู้รับตราส่งในประเทศไทย สินค้าได้รับการตรวจสอบน้ำหนักจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนก่อนขนส่งตามเอกสารหมาย จ.๑๒ถึง จ.๑๕ เมื่อสินค้าได้บรรทุกลงเรือแล้วจำเลยจึงออกใบตราส่งให้แก่ผู้ส่งตามเอกสารหมาย จ.๑๖ ถึง จ.๑๙ จำเลยได้รับมอบสินค้าไว้ครบถ้วนตามจำนวน ตามใบตราส่งและได้รับเงินค่าระวางที่ต้นทางแล้ว วันที่ ๑๒ตุลาคม ๒๕๓๖ เรือเตาฮัวหลิงเดินทางมาถึงท่าเรือจังหวัดสมุทรปราการโจทก์ได้ว่าจ้างบริษัท พี แอนด์ เอ แอดจัสเม้นท์ จำกัด เป็นผู้สำรวจสินค้าได้มีการขนถ่ายสินค้าตั้งแต่วันที่ ๑๒ ถึงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๓๖ เมื่อขนถ่ายสินค้าจากระวางเรือหมดแล้ว รวมน้ำหนักที่ชั่งได้ ๔,๖๔๙.๕๘ เมตริกตันสูญหายน้ำหนัก ๑๒๓.๕๗ เมตริกตัน บริษัทที่สำรวจได้แจ้งให้นายท้ายเรือเตาฮัวหลิงทราบตามเอกสารหมาย จ.๒๐ และ จ.๒๑ ผู้รับตราส่งจึงมอบหมายให้บริษัทจอนห์สัน แอนด์ ฮิกกิ้นส์ จำกัด เรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยโดยผ่านบริษัทโกลด์ซิป จำกัด ซึ่งเป็นผู้แทนของจำเลยเพื่อให้ชำระค่าเสียหายจำนวน ๗๙๐,๖๔๖.๕๘ บาท ตามเอกสารหมาย จ.๒๗จ.๒๘ จำเลยเพิกเฉย โจทก์ได้ชำระค่าเสียหายให้แก่ผู้รับตราส่งเป็นเงิน๕๘๒,๒๙๕.๑๘ บาท และเมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๓๖ โจทก์ทำสัญญารับประกันภัยกากเม็ดทานตะวันจำนวน ๑๓,๗๑๘ กระสอบ ไว้จากห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส.ที.เอ.อินเตอร์เนชั่นแนลโปรดักส์ ผู้รับตราส่งที่ขนส่งทางทะเลโดยใช้เรือยงเหนียนของจำเลยจากเมืองดาเลียน ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อส่งมอบให้แก่ผู้รับตราส่งในประเทศไทยตามกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย จ.๓๕ และ จ.๓๖ โดยสัญญาว่าจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความสูญหายหรือเสียหายของสินค้าระหว่างการขนส่ง การขนส่งบริษัทชางชุนแมชชินเนอรี่เคมีคัลส์ เมทัลส์ แอนด์ มินเนอรัลส์ อิมปอร์ตแอนด์เอ็กปอร์ต จำกัด ผู้ส่งได้ว่าจ้างให้จำเลยเป็นผู้ขนส่งโดยใช้เรือยงเหนียน จำเลยได้ออกใบตราส่งตามเอกสารหมาย จ.๓๙ และ จ.๔๐วันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๓๖ เรือยงเหนียนเดินทางมาถึงท่าเรือจังหวัดสมุทร-ปราการ โจทก์ได้ว่าจ้างบริษัทแอสโซซิเอทเต็ด มารีน เซอร์เวย์เยอร์(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้สำรวจสินค้าขณะมีการขนถ่าย พบว่ากากเม็ดทานตะวันสูญหายจำนวน ๑๘๕ กระสอบ คิดเป็นน้ำหนัก ๘,๗๗๐ กิโลกรัมบริษัทที่สำรวจได้แจ้งให้นายท้ายเรือทราบตามเอกสารหมาย จ.๔๑ และจ.๔๒ และรายงานสำรวจเอกสารหมาย จ.๔๓ และ จ.๔๔ ผู้ส่งได้เรียกร้องค่าเสียหายผ่านบริษัทคอตนั่ม ชิปปิ้ง จำกัด ตัวแทนของจำเลยจำเลยเพิกเฉย โจทก์ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้รับตราส่งเป็นเงิน๓๕,๓๙๐.๐๒ บาท
จำเลยนำสืบว่า จำเลยเป็นผู้ขนส่งกากเม็ดถั่วเหลืองของผู้ส่งโดยใช้เรือเตาฮัวหลิงประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนและขนส่งกากเม็ดทานตะวันของผู้ส่งโดยใช้เรือยงเหนียนจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนมายังผู้รับตราส่งในประเทศไทย การขนส่งสินค้าดังกล่าวมีข้อตกลงแบบ F.I.O.S.T. หมายถึงผู้ขายหรือผู้ส่งเป็นผู้มีหน้าที่นำสินค้าลงเรือหรือขนถ่ายจากที่เก็บสินค้าของผู้ส่งลงเรือของจำเลย โดยจำเลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการขนถ่าย เมื่อสินค้าลงเรือแล้วผู้ส่งเป็นผู้ปิดฝาระวางเรือและประทับตราที่ฝาระวางเรือต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน จำเลยมีหน้าที่ขนส่งสินค้ามอบให้แก่ผู้รับตราส่งในประเทศไทยเท่านั้น จะรับผิดชอบต่อความเสียหายหรือสูญหายของสินค้าในระหว่างการขนส่งเท่านั้น การขนส่งแบบ F.I.O.S.T. ไม่ถือว่าผู้ขนส่งยอมรับปริมาณและน้ำหนักของสินค้า เมื่อเรือเตาฮัวหลิงเดินทางมาถึงท่าเรือกรุงเทพมหานครแล้ว บริษัทโกลด์ชิป จำกัด ผู้แทนเรือได้ติดต่อกรมศุลกากรเพื่อทำการเปิดฝาระวางเรือ เจ้าหน้าที่ศุลกากรได้ตรวจสอบผนึกดวงตราที่ฝาระวางเรือ พบว่าดวงตราอยู่ในสภาพเรียบร้อยตามเอกสารหมาย ล.๑๕ แสดงว่าสินค้าที่ขนส่งมากับเรือเตาฮัวหลิงไม่ได้สูญหายระหว่างการขนส่ง แต่ผู้ส่งที่ต้นทางส่งมอบสินค้าไม่ครบจำนวน และการขนถ่ายกากถั่วเหลืองที่ปลายทางมีกากถั่วเหลืองร่วงหล่น นอกจากนี้ความร้อนในระวางเรือก็ทำให้น้ำหนักของกากถั่วเหลืองหายไป จำเลยจะรับผิดชอบในความเสียหายของกากถั่วเหลือง ๑ หน่วยต่อ ๑๐,๐๐๐ บาท กากถั่วเหลืองบรรทุกลงเรือจำนวน ๒ ระวาง ถือว่าเป็น ๒ หน่วยการขนส่ง จึงรับผิดไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท ส่วนการขนส่งกากเม็ดทานตะวันโดยใช้เรือยงเหนียน เมื่อเรือยงเหนียนได้เดินทางมาถึงท่าเรือกรุงเทพมหานครแล้ว ผู้รับตราส่งได้รับมอบกากเม็ดทานตะวันมากกว่าที่ระบุไว้ตามเอกสารหมาย ล.๔ ล.๕ และ จ.๓๙
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยรับช่วงสิทธิจากบริษัทศิริผลมหานคร จำกัด ผู้เอาประกันภัยจำนวน ๕๘๒,๒๙๕.๑๘บาท และรับช่วงสิทธิจากห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส.ที.เอ.อินเตอร์เนชั่นแนลโปรดักส์ ผู้เอาประกันภัยอีกรายหนึ่งจำนวน ๓๕,๓๙๐.๐๒ บาท มาฟ้องเรียกร้องเอาจากจำเลยเป็นคดีเดียวกัน การพิจารณาสิทธิในการอุทธรณ์ต้องถือทุนทรัพย์ในการรับช่วงสิทธิแต่ละรายแยกกัน เมื่อทุนทรัพย์ที่โจทก์รับช่วงสิทธิจากห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส.ที.เอ.อินเตอร์เนชั่นแนล โปรดักส์มาฟ้องเป็นคดีนี้ มีจำนวนไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท คดีในส่วนนี้จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๒๔ วรรคหนึ่ง อุทธรณ์ของจำเลยที่ว่า กากเม็ดทานตะวันไม่ได้สูญหายในระหว่างการขนส่ง โจทก์จึงไม่มีหน้าที่ต้องชำระค่าเสียหายและไม่อาจรับช่วงสิทธิมาฟ้องจำเลยนั้น เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยในส่วนนี้เป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ต้องถือว่าข้อเท็จจริงได้ยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แม้โจทก์จะฎีกาต่อมาศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัย
สำหรับกรณีโจทก์รับช่วงสิทธิจากบริษัทศิริผลมหานคร จำกัดนั้น ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยกากถั่วเหลืองจากบริษัทศิริผลมหานคร จำกัด ที่จำเลยเป็นผู้ขนส่งโดยใช้เรือเตาฮัวหลิงจากเมืองแดนดอง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนมายังท่าเรือในประเทศไทย เพื่อส่งมอบให้แก่บริษัทศิริผลมหานคร จำกัด ผู้รับตราส่งต่อมาเมื่อเรือเตาฮัวหลิงเดินทางมาถึงท่าเรือในประเทศไทย ปรากฏว่าบริษัทศิริผลมหานคร จำกัด ได้รับมอบกากถั่วเหลืองไม่ครบจำนวนตามที่ระบุไว้ในใบตราส่งเอกสารหมาย จ.๑๖ ถึง จ.๑๙ โดยขาดไป ๑๒๓.๕๗เมตริกตัน โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน๕๘๒,๒๙๕.๑๕ บาท ให้แก่บริษัทศิริผลมหานคร จำกัด ผู้เอาประกันภัยไปเมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๓๗ และรับช่วงสิทธิมาเรียกร้องเอาแก่จำเลยผู้ขนส่ง
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า กากถั่วเหลืองที่ขนส่งได้สูญหายไปในระหว่างการขนส่งทางทะเลอันจะทำให้จำเลยผู้ขนส่งต้องรับผิดสำหรับความสูญหายดังกล่าวต่อบริษัทศิริผลมหานคร จำกัด ผู้รับตราส่งหรือไม่ เพียงใด เห็นว่า โจทก์มีใบตราส่งเอกสารหมาย จ.๑๖ถึง จ.๑๙ ใบกำกับสินค้าเอกสารหมาย จ.๘ ถึง ๑๑ และหนังสือรับรองการตรวจสอบน้ำหนักเอกสารหมาย จ.๑๒ ถึง จ.๑๕ มาแสดงว่าบริษัทเซรอยฟู๊ด เลียนนิ่ง เซรีลส์ แอนด์ ออยล์ อิมปอร์ต แอนด์ เอ็กซ์ปอร์ตจำกัด ผู้ส่งได้ส่งกากถั่วเหลืองจำนวน ๔,๗๗๓.๑๕๐ เมตริกตัน มาให้บริษัทศิริผลมหานคร จำกัด ทางเรือเดินทะเลชื่อเตาฮัวหลิง โดยผู้แทนเรือเตาฮัวหลิงของจำเลยผู้ขนส่งได้ลงชื่อออกใบตราส่งเอกสารหมายจ.๑๖ ถึง จ.๑๙ ระบุว่า กากถั่วเหลืองดังกล่าวได้บรรทุกบนเรือในลักษณะเทกอง (IN BULK) รวมน้ำหนัก ๔,๗๗๓.๑๕๐ เมตริกตัน ตั้งแต่วันที่๒๘ กันยายน ๒๕๓๖ แม้จะได้ความว่า การขนส่งรายนี้เป็นการขนส่งแบบF.I.O.S.T. ซึ่งผู้ส่งมีหน้าที่บรรทุกของลงเรือด้วยค่าใช้จ่ายของตนเองก็ตาม แต่ก่อนการบรรทุกกากถั่วเหลืองลงเรือก็ได้มีการตรวจสอบน้ำหนักของกากถั่วเหลืองโดยนำไปชั่งน้ำหนักบนตาชั่งที่ตรวจสอบแล้วและชั่งน้ำหนักได้ ๔,๗๗๓.๑๕๐ เมตริกตัน ปรากฏตามหนังสือรับรองการตรวจสอบน้ำหนักของสำนักงานตรวจสอบสินค้านำเข้าและส่งออกแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนสาขาเลียนนิ่ง เอกสารหมาย จ.๑๒ ถึง จ.๑๕ การที่เรือเตาฮัวหลิงของจำเลยผู้ขนส่งออกใบตราส่งเอกสารหมาย จ.๑๖ ถึง จ.๑๙ ให้แก่ผู้ส่งสินค้าโดยระบุว่าผู้ส่งสินค้าได้ส่งกากถั่วเหลืองลงเรือแล้วในลักษณะเทกอง และระบุจำนวนน้ำหนักไว้ชัดเจนว่ากากถั่วเหลืองมีน้ำหนักจำนวน๔,๗๗๓.๑๕๐ เมตริกตัน ตรงกับน้ำหนักที่ระบุไว้ในหนังสือรับรองการตรวจสอบน้ำหนักเอกสารหมาย จ.๑๒ ถึง จ.๑๕ และใบกำกับสินค้าเอกสารหมาย จ.๘ ถึง จ.๑๑ ซึ่งเป็นน้ำหนักที่ระบุโดยผู้ส่ง จึงเชื่อได้ว่าผู้ส่งของได้ส่งมอบกากถั่วเหลืองลงเรือเตาฮัวหลิงครบจำนวนตามที่ระบุไว้ในใบตราส่งคือจำนวน ๔,๗๗๓.๑๕๐ เมตริกตัน แต่ต่อมาเมื่อเรือเตาฮัวหลิงเดินทางมาถึงประเทศไทย นายสราวุธ ภู่เจริญยศ พนักงานของบริษัท พี แอนด์ เอ แอดจัสเม้นท์ จำกัด ซึ่งโจทก์ว่าจ้างให้สำรวจความเสียหายของสินค้าพยานโจทก์เบิกความว่า นายสราวุธได้ทำการสำรวจกากถั่วเหลืองแล้ว ปรากฏว่ากากถั่วเหลืองที่ขนถ่ายออกจากเรือทั้งหมดมีน้ำหนัก ๔,๖๔๙.๕๘ เมตริกตัน ขาดจำนวนจากใบตราส่งไป๑๒๓.๕๗ เมตริกตัน หรือร้อยละ ๒.๕๙ ตามรายงานการสำรวจพร้อมคำแปลเอกสารหมาย จ.๒๒ และ จ.๒๔ นายสราวุธเป็นพนักงานของบริษัทที่ประกอบธุรกิจรับจ้างสำรวจความสูญหายและเสียหายของสินค้าไม่มีส่วนได้เสียกับฝ่ายใด คำเบิกความจึงมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า กากถั่วเหลืองที่ขนส่งได้สูญหายขาดจำนวนไปในระหว่างการขนส่งทางทะเลซึ่งจำเลยผู้ขนส่งต้องรับผิดในความสูญหายดังกล่าวต่อผู้รับตราส่งซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยสินค้าดังกล่าวไว้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์ผู้รับประกันภัยได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความสูญหายของสินค้าให้แก่ผู้เอาประกันตามสัญญาประกันภัยทางทะเลไป โจทก์ย่อมรับช่วงสิทธิดังกล่าวของผู้เอาประกันมาเรียกร้องเอาแก่จำเลยผู้ขนส่งสินค้านั้นได้ ส่วนปัญหาว่าเรียกร้องได้เพียงใดนั้น แม้จะได้ความจากคำเบิกความของนายสราวุธประกอบรายงานการสำรวจเอกสารหมาย จ.๒๒ และ จ.๒๔ ว่า ในการขนถ่ายสินค้าใช้เครื่องตักก้ามปูตักกากถั่วเหลืองจากเรือลงรถยนต์บรรทุกแล้วแล่นไปชั่งน้ำหนักบนเครื่องชั่งซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกัน การขนถ่ายโดยวิธีการใช้เครื่องตักดังกล่าวทำให้กากถั่วเหลืองร่วงหล่นสูญเสียไปบ้างเล็กน้อยซึ่งผู้รับตราส่งต้องรับผิดชอบในความเสียหายส่วนนี้เอง เพราะเป็นผู้มีหน้าที่ขนถ่ายสินค้าลงจากเรือตามข้อตกลงในการขนส่งแบบ F.I.O.S.T. ก็ตามแต่ก็ปรากฏว่าโจทก์ได้หักค่าเสียหายส่วนนี้ให้แล้ว โดยหักเป็นความเสียหายส่วนแรกที่ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดชอบ แต่ผู้รับตราส่งซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเองตามเงื่อนไขการคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย จ.๔ ถึง จ.๗ จำนวนร้อยละ ๑ ของน้ำหนักสินค้าทั้งหมดซึ่งคิดเป็นจำนวน ๔๗.๗๓๑ เมตริกตัน ออกจากน้ำหนักสินค้าขาดจำนวนทั้งหมด คงเหลือน้ำหนักสินค้าขาดจำนวนสุทธิ ๗๕.๘๓๙ เมตริกตัน คำนวณเป็นเงินค่าเสียหายที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องทั้งสิ้น ๕๘๒,๒๙๕.๑๕ บาท รายละเอียดปรากฏตามหนังสือเรียกร้องเอกสารหมาย จ.๒๙ และ จ.๓๐ จำเลยจึงต้องรับผิดชำระเงินค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวให้แก่โจทก์ ส่วนฎีกาของโจทก์ข้ออื่นไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนไป ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ในส่วนที่โจทก์รับช่วงสิทธิมาจากห้างหุ้นส่วนจำกัดเอส.ที.เอ.อินเตอร์เนชั่นแนล โปรดักส์ ให้ยกฎีกาของโจทก์และยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และฎีกาในส่วนนี้ทั้งหมดแก่จำเลยและโจทก์ตามลำดับ ส่วนค่าทนายความให้เป็นพับ โดยให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น สำหรับคดีในส่วนที่โจทก์รับช่วงสิทธิมาจากบริษัทศิริมหาผล จำกัด ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเช่นกันและให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาในส่วนนี้แทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความรวม ๒๐,๐๐๐ บาท.