คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7318/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีนี้เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์มาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกขายในราคา 4,200,000 บาท แต่ศาลฎีกาพิพากษาให้เพิกถอน ครั้งที่ 2 ขายได้ในราคา 10,000,000 บาท แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนการขาย การขายทอดตลาดครั้งนี้จึงมิใช่เป็นการขายครั้งแรก และขายได้ในราคา 10,000,000 บาท ซึ่งในการขายทอดตลาดทั้งสามครั้ง จำเลยไม่เคยไปแต่อย่างใด แต่ได้มอบให้บุคคลอื่นไปแทน เมื่อการขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวได้เนิ่นช้ามาเป็นหลายปี หากจำเลยเห็นว่าการขายทอดตลาดราคาต่ำไปก็ควรจะขวนขวายหาบุคคลที่สนใจเข้าสู้ราคา และข้ออ้างของจำเลยว่า ราคาที่ขายต่ำไปเลื่อนลอย ส่วนการที่โจทก์เป็นผู้ซื้อได้ก็ไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์ส่อว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการโดยไม่สุจริตหรือสมคบกับโจทก์กดราคาให้ต่ำกว่าเป็นจริงเพื่อประโยชน์ของโจทก์ ดังนี้ การขายทอดตลาดในครั้งที่สามนี้จึงชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 6,010,543.08บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ แต่จำเลยที่ 1 ไม่ชำระตามคำบังคับ โจทก์ขอบังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์จำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างตึกแถวอาคารพาณิชย์ของจำเลยที่ 1 ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์จำนองดังกล่าวครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2532 เป็นเงิน 4,200,000 บาท แต่จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาด ซึ่งศาลฎีกาพิพากษาให้เพิกถอนการขายทอดตลาด และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดใหม่เป็นครั้งที่สองเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2536 เป็นเงิน 10,000,000 บาท จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดอีก และศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนการขายทอดตลาด เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงขายทอดตลาดใหม่เป็นครั้งที่สามเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2538 เป็นเงิน 10,500,000 บาท

จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า การขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ชอบด้วยกฎหมาย กล่าวคือ ขายต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะทรัพย์พิพาทตั้งอยู่ในย่านธุรกิจที่มีความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งที่ดินและอาคารพาณิชย์ในบริเวณเดียวกันมีการซื้อขายกันในราคาไม่ต่ำกว่า 22,000,000 บาท และที่โจทก์เป็นผู้ซื้อทรัพย์เองถือว่าไม่สุจริต เพราะโจทก์ทราบราคาดีอยู่แล้วแต่สมคบกับเจ้าพนักงานบังคับคดีตีราคาต่ำกว่าความเป็นจริงแล้วเข้าประมูลราคาเองทั้งการขายทอดตลาดไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมีผู้ลงชื่อเข้าประมูลรวมทั้งโจทก์ด้วยเพียง 3 ราย แต่โจทก์เข้าสู้ราคาเพียงรายเดียว ส่วนบุคคลอื่นอีก2 ราย ไม่ได้เข้าสู้ราคา การขายครั้งนี้เป็นการขายครั้งแรกซึ่งได้ราคาต่ำกว่าความเป็นจริงทำให้จำเลยที่ 1 ไม่สามารถชำระหนี้แก่โจทก์และจำเลยที่ 1 ได้คัดค้านเรื่องราคาต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว

โจทก์คัดค้านว่า ที่ดินของจำเลยที่ 1 มีเนื้อที่เพียง 13.9 ตารางวา แม้จะอยู่ในย่านธุรกิจ แต่มิใช่ธุรกิจที่เจริญ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีราคาประมาณ 4,000,000 บาท การขายทอดตลาดครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกและได้ราคาสูงกว่าการขายครั้งแรกถึงครึ่งหนึ่ง เจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นข้าราชการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายโดยไม่มีส่วนได้เสีย และมิได้สมคบกับโจทก์ขายไปในราคาต่ำกว่าความเป็นจริง จำเลยที่ 1 เคยอ้างว่าจะหาผู้อื่นมาซื้อได้ราคาไม่ต่ำกว่า 18,000,000 บาท หรือ 22,000,000 บาท แต่ในการขายแต่ละครั้งจำเลยที่ 1 ไม่สามารถหาผู้ซื้อทรัพย์พิพาทในราคาดังกล่าวได้ จำเลยที่ 1 กล่าวอ้างลอย ๆ เป็นการประวิงให้คดีล่าช้าเท่านั้น ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์มาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2532 ขายในราคา 4,200,000 บาท แต่ศาลฎีกาพิพากษาให้เพิกถอน ครั้งที่ 2 วันที่ 21 ธันวาคม 2536 ขายได้ในราคา 10,000,000 บาท แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนการขาย ครั้งนี้ขายได้ในราคา10,500,000 บาท เห็นว่า ในการขายทอดตลาดครั้งก่อนจำเลยที่ 1 คัดค้านอ้างว่าราคาต่ำไป ศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาให้เพิกถอนการขายทอดตลาดเสียทั้งสองครั้ง การขายทอดตลาดครั้งนี้จึงมิใช่เป็นการขายครั้งแรก ข้อเท็จจริงได้ความจากคำเบิกความของจำเลยที่ 1 ตอบทนายโจทก์ถามค้านว่าในการขายทอดตลาดทั้งสามครั้งจำเลยที่ 1 ไม่เคยไปแต่อย่าง แต่ได้มอบให้บุคคลอื่นไปแทน เห็นว่า การขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวได้เนิ่นช้ามาเป็นเวลานานแล้ว หากจำเลยที่ 1 เห็นว่า การขายทอดตลาดราคาต่ำไป ก็ควรจะขวนขวายหาบุคคลที่สนใจเข้าสู้ราคาแต่ก็ปรากฏว่าในวันขายทอดตลาดครั้งนี้จำเลยที่ 1 ไม่ได้ไปร่วมด้วย นายกิตติไม่ทราบนามสกุล ที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าสนใจจะซื้อในราคา 19,000,000 บาท ก็ไม่ได้ไปสู้ราคา ข้ออ้างของจำเลยที่ 1 ว่าราคาที่ขาต่ำไปจึงเลื่อนลอย ส่วนการที่โจทก์เป็นผู้ซื้อได้ก็ไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์ส่อว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการโดยไม่สุจริตหรือสมคบกับโจทก์กดราคาให้ต่ำกว่าเป็นจริงเพื่อประโยชน์ของโจทก์ การขายทอดตลาดจึงชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share