คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7317/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์โดยยกข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า ที่พิพาทไม่ใช่เป็นของจำเลยแต่เป็นของผู้ร้อง โดยผู้ร้องชำระราคาครบถ้วนแล้วในวันทำสัญญาซื้อขายหลังจากนั้นผู้ร้องได้ครอบครองทำประโยชน์จนได้สิทธิครอบครองประเด็นตามคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง จึงมีว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของที่พิพาทโดยซื้อมาจากจำเลยแล้วหรือไม่การที่ผู้ร้องอุทธรณ์ว่า หลังจากทำสัญญาซื้อขายที่พิพาทแล้ว จำเลยสัญญาว่าจะดำเนินการจดทะเบียนโอนที่พิพาทต่อเจ้าพนักงานที่ดินให้แก่ผู้ร้องในภายหลัง เท่ากับอ้างว่าสัญญาซื้อขายระหว่างผู้ร้องกับจำเลยเป็นสัญญาจะซื้อจะขายมิใช่สัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดตามที่อ้างมาในคำร้องขัดทรัพย์ จึงเป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นใหม่นอกเหนือไปจากข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในคำร้องขัดทรัพย์ ถือได้ว่าเป็นอุทธรณ์ในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ทั้งมิใช่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ร้องจึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ร้องไม่มีสิทธิฎีกา แม้ต่อมาผู้ร้องฎีกาก็ถือว่าเป็นฎีกาในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่อาจวินิจฉัยฎีกาของผู้ร้องได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนขายที่ดินตามสัญญาแก่โจทก์ หากไม่อาจจดทะเบียนโอนได้ให้จำเลยชำระค่าเสียหายจำนวน 120,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยกับค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ยื่นคำขอให้ออกหมายบังคับคดีว่า จำเลยได้โอนขายที่ดินตามสัญญาให้แก่บุคคลอื่นไปแล้ว ขอให้มีคำสั่งแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยเพื่อบังคับจำเลยให้ชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยกับค่าฤชาธรรมเนียม ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดี โจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่พิพาทโฉนดเลขที่ 6348 ของจำเลย เพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ดังกล่าว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ที่พิพาทมิใช่ของจำเลย แต่เป็นของผู้ร้องซื้อจากจำเลยเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2540 ในราคา 300,000 บาท และได้ชำระราคาให้แก่จำเลยครบถ้วนแล้วตั้งแต่วันทำสัญญา หลังจากนั้นผู้ร้องได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ตลอดมาจนได้สิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่เคยเข้ายุ่งเกี่ยวกับที่พิพาท ขอให้ปล่อยที่พิพาท

โจทก์ให้การว่า ขอให้ยกคำร้องขอ

ระหว่างสืบพยานผู้ร้อง ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ จึงมีคำสั่งให้งดสืบพยาน แล้วมีคำพิพากษาให้ยกคำร้องขอ

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน โจทก์ไม่แก้อุทธรณ์ จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ฎีกาของผู้ร้องที่ว่า ผู้ร้องมีเจตนาจะจดทะเบียนซื้อขายที่พิพาทกับจำเลยต่อเจ้าพนักงานที่ดินในภายหลัง เนื่องจากที่พิพาทติดจำนองแก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรในขณะทำสัญญาซื้อขาย สัญญาซื้อขายระหว่างผู้ร้องกับจำเลยยังไม่เสร็จเด็ดขาด และถือว่าผู้ร้องเป็นบุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนจึงมีสิทธิร้องขัดทรัพย์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าตามคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องยกข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า ที่พิพาทไม่ใช่เป็นของจำเลย แต่เป็นของผู้ร้องซื้อจากจำเลยเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2540 โดยผู้ร้องชำระราคาครบถ้วนแล้วในวันทำสัญญา หลังจากนั้นผู้ร้องได้ครอบครองทำประโยชน์จนได้สิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย ประเด็นตามคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องจึงมีว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของที่พิพาทโดยซื้อมาจากจำเลยแล้วหรือไม่ การที่ผู้ร้องอุทธรณ์ว่า หลังจากทำสัญญาซื้อขายที่พิพาทแล้ว จำเลยสัญญาว่าจะดำเนินการจดทะเบียนโอนที่พิพาทต่อเจ้าพนักงานที่ดินให้แก่ผู้ร้องในภายหลัง เท่ากับอ้างว่าสัญญาซื้อขายระหว่างผู้ร้องกับจำเลยเป็นสัญญาจะซื้อขาย มิใช่สัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดตามที่ผู้ร้องอ้างมาในคำร้องขัดทรัพย์จึงเป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นใหม่นอกเหนือไปจากข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในคำร้องขัดทรัพย์ ถือได้ว่าเป็นอุทธรณ์ในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ทั้งมิใช่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนจึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225วรรคหนึ่ง การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 วินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ร้องดังกล่าวมา จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ร้องไม่มีสิทธิฎีกา แม้ผู้ร้องฎีกาต่อมาก็ถือว่าเป็นฎีกาในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่อาจวินิจฉัยฎีกาของผู้ร้องได้และเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้แม้ไม่มีฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง”

พิพากษายกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 4 กับยกอุทธรณ์และยกฎีกาของผู้ร้อง คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาแก่ผู้ร้อง

Share