คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2213/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระค่าสิทธิและส่วนต่างของค่าธรรมเนียมจากยอดขายและค่าสิทธิขั้นต่ำตามสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิช่วงในเครื่องหมายการค้าคำว่า PUMA ซึ่งเป็นโมฆะ คดีย่อมไม่มีประเด็นข้อพิพาทเรื่องการคืนทรัพย์อันเกิดจากโมฆะกรรม ตาม ป.พ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่าจำเลยต้องจ่ายค่าใช้สิทธิแก่โจทก์ตามควรในฐานลาภมิควรได้นั้น จึงเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือ นอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง อันเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ฯ พ.ศ. 2539 มาตรา 26 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 142 คำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางในส่วนนี้จึงไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิช่วงในเครื่องหมายการค้าคำว่า PUMA จำนวน ๑๘,๐๓๕,๖๒๑.๔๔ ดอลลาร์ฮ่องกง พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๘.๕ ต่อปี จากต้นเงินจำนวน ๑๕,๔๘๔,๖๘๒.๑๒ ดอลลาร์ฮ่องกง นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันมีคำพิพากษาไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๗๕,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ตามที่คู่ความทั้งสองฝ่ายไม่โต้แย้งกันว่า โจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดตามกฎหมายหมู่เกาะคุก ตามหนังสือรับรองเอกสารหมาย จ.๑ นายปกรณ์ มาตระกูล ฟ้องคดีนี้แทนโจทก์ ตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.๒ พูมา เอจี รูดอล์ฟ แดซเลอร์ สปอร์ต ซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลที่ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าคำว่า PUMA อ่านว่า พูมา สำหรับสินค้าประเภทเครื่องกีฬา และได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า คำว่า PUMA ในประเทศไทยโดยใช้กับสินค้าประเภทเครื่องกีฬา เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๒๖ ต่อมาเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๓๓ พูมา เอจี รูดอล์ฟ แดซเลอร์ สปอร์ต ได้ทำสัญญาอนุญาตให้โจทก์ได้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้าคำว่า PUMA สำหรับสินค้าประเภทเครื่องกีฬาแต่ผู้เดียวในประเทศไทย มาเก๊า ฮ่องกง เกาลูน และนิวเทอริทอรี่ส์ และมีอำนาจอนุญาตให้ใช้สิทธิช่วงได้ ตามสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิเอกสารหมาย จ.๕ ต่อมามีพระราชบัญญัติ เครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ ออกมาใช้บังคับ โดยมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕ และบัญญัติไว้ในมาตรา ๖๘ ว่า เจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนแล้วจะทำสัญญาอนุญาตให้บุคคลอื่นใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้าของตนได้แต่ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อนายทะเบียน วันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๓๕ โจทก์ได้ทำสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิช่วงในเครื่องหมายการค้าคำว่า PUMA แก่จำเลย โดยจำเลยจะต้องจ่ายค่าตอบแทนการได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิแก่โจทก์ทุกปี ภายในกำหนด ๓๐ วัน นับแต่วันที่ ๓๑ มีนาคม วันที่ ๓๐ มิถุนายน วันที่ ๓๐ กันยายน และวันที่ ๓๑ ธันวาคม ของแต่ละปี ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิช่วงเอกสารหมาย จ.๖ แต่มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อนายทะเบียน จำเลยชำระค่าตอบแทนการใช้สิทธิแก่โจทก์เรื่อยมาจนถึงปี ๒๕๓๙ จึงผิดนัดไม่ชำระค่าตอบแทนการใช้สิทธิแก่โจทก์จนถึงเดือนมิถุนายน ๒๕๔๑ รวมระยะเวลา ๒ ปี ๖ เดือน
… มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า เมื่อสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิช่วงในเครื่องหมายการค้า จดทะเบียนคำว่า PUMA ลงวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๓๕ ระหว่างโจทก์กับจำเลยตามเอกสารหมาย จ.๖ ตกเป็นโมฆะ เพราะมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อนายทะเบียน ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๖๘ วรรคสอง ศาลจะพิพากษาให้จำเลยชำระค่าตอบแทนการใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้าคำว่า PUMA แก่โจทก์ โดยนำบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้มาใช้บังคับได้หรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระค่าสิทธิและส่วนต่างของค่าธรรมเนียมจากยอดขายและค่าสิทธิขั้นต่ำตามสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิช่วงในเครื่องหมายการค้าคำว่า PUMA คดีไม่มีประเด็นข้อพิพาทเรื่องการคืนทรัพย์อันเกิดจากโมฆะกรรม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๒ วรรคสอง ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่าจำเลยต้องจ่าย ค่าใช้สิทธิแก่โจทก์ตามควรในฐานฐานลาภมิควรได้นั้น จึงเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏใน คำฟ้องอันเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ และวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๒๖ ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒ คำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางในส่วนนี้จึงไม่ชอบ อุทธรณ์ของจำเลยในข้อนี้ฟังขึ้น และคดีไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ว่าสมควรกำหนดค่าตอบแทนการใช้เครื่องหมายการค้าเป็นจำนวนเท่าใดอีกต่อไป
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ .

Share