คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5542/2536

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

สินค้าที่โจทก์นำเข้าไปเป็นเครื่องล้างหัวเทปวีดีโอซึ่งเป็นสินค้าสำเร็จรูปอย่างหนึ่ง ประกอบด้วยตัวกล่องที่ทำด้วยพลาสติก คงมีเฉพาะส่วนที่สำหรับขัดถูหัวเทปเท่านั้นที่มีลักษณะเป็นผ้า และเครื่องดังกล่าวนี้คงใช้สำหรับเครื่องวีดีโอเท่านั้น จึงไม่ใช้สินค้าตามพิกัดประเภทที่ 59.17เพราะมิใช่เป็นผ้าหรือของที่ทำด้วยวัตถุทอ และมิใช่ชนิดที่ตามธรรมดาใช้กับเครื่องกลจักรหรือใช้ในโรงงานสำหรับประเภทพิกัดที่ 62.05 ตามที่จำเลยประเมินนั้นบัญญัติว่าของสำเร็จรูปอย่างอื่นที่ทำด้วยวัตถุทอ รวมทั้งผ้าแบบเสื่อซึ่งน่าจะได้แก่วัตถุทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป ดังนั้นจึงไม่เข้าพิกัดประเภท 62.05 และกรณีไม่เข้าหลักเกณฑ์ของการตีความพิกัดอัตราศุลกากร ข้อที่ 5 เพราะมิใช่ของซึ่งใกล้เคียงกับของตามพิกัดที่จำเลยประเมิน แต่น่าจะถือได้ว่าใกล้เคียงกับประเภทพิกัดที่ 92.13 มากกว่าการประเมินอากรขาเข้าของจำเลยจึงไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่าสินค้ารายพิพาทจัดอยู่ในประเภทพิกัด ที่ 57.17 มิใช่ประเภทพิกัดที่ 62.05 และให้จำเลยคืนเงินจำนวน174,274.80 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จสิ้น
จำเลยให้การว่า การประเมินของจำเลยเป็นการถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่ศาลฎีกาต้องวินิจฉัยคือ สินค้าที่โจทก์นำเข้าจัดอยู่ในพิกัดอัตราศุลกากรประเภทใด และการประเมินอากรขาเข้าของจำเลยชอบหรือไม่ซึ่งข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2525 โจทก์ นำเข้าอุปกรณ์เครื่องล้างหัวเทปวีดีโอ เข้ามาในราชอาณาจักรไทย และได้สำแดงรายละเอียดของสินค้าในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการ การค้า ระบุสินค้าในพิกัดอัตราศุลกากรประเภทพิกัดที่ 59.03 เจ้าหน้าที่กองตรวจสินค้าขาเข้าตรวจสอบสินค้าแล้วสงสัยพิกัดจึงไม่ยอมตรวจปล่อยสินค้าแต่ได้ชักตัวอย่างสินค้าไปให้กองวิเคราะห์สินค้าตรวจสอบ กองวิเคราะห์สินค้าส่งตัวอย่างสินค้าไปหารือพิกัดที่กองพิกัดอัตราศุลกากร แต่ก็ยังไม่สามารถชี้พิกัดที่ถูกต้องได้จึงให้โจทก์วางประกันในประเภทพิกัดที่ 62.05 ไปก่อน โจทก์ได้ให้ธนาคารออกหนังสือค้ำประกันแล้วรับสินค้าไปจากอารักขาของศุลกากร ต่อมาคณะกรรมการพิจารณาปัญหาพิกัดอัตราศุลกากร มีมติว่าให้พิจารณาจัดเข้าตามประเภทของวัตถุที่ใช้ทำเทป และต่อมากองพิกัดอัตราศุลกากรจัดสินค้าพิพาทเข้าตามประเภทพิกัดที่ 62.05 อัตราอากร ร้อยละ 100 และได้ประเมินเรียกเก็บภาษีอากรเพิ่มขึ้น แต่โจทก์เห็นว่าการประเมินไม่ถูกต้องซึ่งโจทก์อุทธรณ์ว่า สินค้ารายพิพาทเป็นอุปกรณ์เครื่องล้างหัวเทปวีดีโอ มีลักษณะตามวัตถุพยานหมาย วจ.1สาระสำคัญในการใช้งานอยู่ที่แถบหัวเทป ที่ทำจากวัตถุจำพวกสิ่งทอ เวลาใช้จะสอดวัตถุพยานดังกล่าวเข้าไปในเครื่องเล่นวีดีโอ เมื่อเครื่องเล่นวีดีโอทำงานจะทำให้หัวเทปขัดกับอุปกรณ์ เครื่องล้างหัวเทปในส่วนที่ทำจากวัตถุสิ่งทอ ฉะนั้นจึงเป็นของ ตามพิกัดประเภทที่ 59.17 เพราะเป็นของสำเร็จรูปทำจากผ้าและของทำด้วยวัตถุทอและเป็นของใช้กับเครื่องจักรโดยเฉพาะนั้น เห็นว่าพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2503 ประเภทที่ 57.17 บัญญัติว่า “ผ้าและของทำด้วยวัตถุทอ ชนิดที่ตามธรรมดาใช้กับเครื่องกลจักรหรือ ใช้ ใน โรงงาน” หลักเกณฑ์ของการตีความพิกัดอัตราศุลกากรได้บัญญัติไว้ภาค 1 ของท้ายพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2503 ในข้อที่ 5กำหนดไว้ว่า “ของซึ่งไม่อาจจัดเข้าประเภทใดในพิกัดอัตราศุลกากรนี้ได้ ก็ให้จัดเข้าในประเภทเดียวกับของซึ่งใกล้เคียงกับของชนิดนั้น มากที่สุด” ซึ่งการตีความดังกล่าวจึงต้องพิเคราะห์ถึงระบบการทำงานของสินค้าชนิดนั้นรวมทั้งคุณสมบัติอื่น ๆ ประกอบกัน สำหรับสินค้ารายพิพาทข้อเท็จจริงได้ความว่า สินค้าที่โจทก์นำเข้าเป็นเครื่องล้างหัวเทปวีดีโอ ซึ่งโจทก์นำสืบว่าแถบล้างหัวเทปทำด้วยผ้าทอ ก่อนจะนำไปใช้ต้องใช้น้ำยา ส่วนจำเลยนำสืบว่า เจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ของกองวิเคราะห์สินค้าได้ทำการวิเคราะห์เทปดังกล่าวแล้ว พบว่าเป็นผ้าพื้นที่โรยทับด้วยเส้นใยตัดละเอียด ไม่ใช่สินค้าในประเภทพิกัดที่ 59.03 ซึ่งเป็นผ้าที่ทำด้วยเส้นใยสิ่งทอที่ยึดให้ติดกันด้วยวัตถุจำพวกยางเหนียว และไม่ใช่สินค้าตามประเภท พิกัดที่ 59.17 เพราะไม่ใช่ผ้าและของที่ทำด้วยวัตถุทอชนิดที่ ตามธรรมดาใช้กับเครื่องจักรหรือใช้ในโรงงาน โดยจำเลยมีนายสันติ ครองสิทธิเดช หัวหน้างานวิเคราะห์สิ่งทอ เบิกความเป็นพยานว่าได้ ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์กองวิเคราะห์สินค้า ทำการวิเคราะห์ผ้าที่ทำเป็นหัวล้างเทปแล้วทราบว่าไม่ใช่ผ้าซึ่งทำด้วยเส้นใยสิ่งทอที่ยึดให้ติดกันด้วยวัตถุจำพวกยาวเหนียว แต่เป็นผ้าพื้นที่โรยทับด้วยเส้นใยตัดละเอียดและไม่สามารถใช้กับเครื่องกลจักร หรือใช้ในโรงงานได้ เมื่อศาลได้ตรวจพิเคราะห์สินค้าที่พิพาทตามวัตถุพยานหมาย วจ.1 แล้ว เห็นว่าเป็นเครื่องล้างหัวเทปวีดีโอ ซึ่งเป็นสินค้าสำเร็จรูปอย่างหนึ่งประกอบด้วยตัวกล่องที่ทำด้วยพลาสติกคงมีเฉพาะส่วนที่สำหรับขัดถูกหัวเทปเท่านั้นที่มีลักษณะเป็นผ้าและเครื่องดังกล่าวนี้คงใช้สำหรับเครื่องวีดีโอเท่านั้น จึงไม่ใช่สินค้าตามพิกัดประเภทที่ 59.17 เพราะมิใช่เป็นผ้าหรือของที่ทำด้วยวัตถุทอและมิใช่ชนิดที่ตามธรรมดาใช้กับเครื่องกลจักรหรือใช้ในโรงงาน แต่เป็นเครื่องสำหรับทำความสะอาดเครื่องวิดีโอ ทั้งพิกัดดังกล่าวเป็นเรื่องผ้าหรือวัตถุทอโดยเฉพาะสำหรับประเภทพิกัดที่ 62.05 ตามที่จำเลยประเมินนั้น บัญญัติว่า “ของสำเร็จรูปอย่างอื่นที่ทำด้วยวัตถุทอ รวมทั้งผ้าแบบเสื้อ” ซึ่งน่าจะได้แก่วัตถุทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป หาใช่เครื่องล้างหัวเทปวีดีโอซึ่งมีผ้าหรือวัตถุทอเป็นส่วนประกอบเพียงเล็กน้อยไม่ ดังนั้นสินค้ารายพิพาทจึงไม่เข้าพิกัดประเภท 62.05 ดังที่จำเลยประเมินอีกเช่นกันและกรณีไม่เข้าหลักเกณฑ์ของการตีความพิกัดอัตราศุลกากร ข้อที่ 5 เพราะมิใช่ของซึ่งใกล้เคียงกับของตามพิกัดที่จำเลยประเมิน หากจะตีความตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวสินค้าพิพาทน่าจะถือได้ว่าใกล้เคียงกับประเภทพิกัดที่ 92.13 มากกว่าการประเมินอากรขาเข้าของจำเลยจึงไม่ชอบ”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนการประเมินเฉพาะการประเมินอากรขาเข้าเพิ่ม และให้จำเลยคืนเงินอากรขาเข้าจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง

Share