แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม่ม้าพิพาทเป็นม้าแข่งมาแต่เดิม แสดงว่าได้ใช้งานแล้วจึงอยู่ในบังคับที่ต้องให้ทำตั๋วรูปพรรณตามพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะฯ มาตรา 8 (3) และเป็นสัตว์พาหนะตามมาตรา 4 ตกอยู่ภายใต้บังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 แม้จะซื้อแม่ม้าไปเพื่อผสมพันธุ์ มิได้ซื้อเพื่อเอาไปใช้ในการขับขี่หรือลากเข็นก็ตาม ก็ไม่เป็นเหตุให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียนการซื้อขายต่อเจ้าพนักงาน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ตกลงซื้อม้าแข่งเพศตัวเมียซึ่งขณะนั้นมีลูกติดยังไม่หย่านมจากจำเลยที่ ๑ ในราคา ๑๐,๐๐๐ บาท โดยวางมัดจำไว้ ๘,๐๐๐ บาท เดือนกันยายน ๒๕๒๑ โจทก์ชำระเงินที่เหลือ ๒,๐๐๐ บาทแล้วรับแม่ม้าไปจากจำเลยที่ ๑ นำไปจ้างให้ผสมพันธุ์ แล้วนำแม่ม้าไปให้จำเลยที่ ๑ เพื่อเลี้ยงลูกม้าของจำเลยที่ ๑ จนกว่าจะหย่านม เมื่อลูกม้าของจำเลยที่ ๑หย่านมแล้ว โจทก์ได้นำแม่ม้านี้ไปจ้างให้จำเลยที่ ๒ เลี้ยงวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๒๒ จำเลยที่ ๑ กับพวกไปแอบอ้างกับจำเลยที่ ๒ ว่าโจทก์ให้ไปรับแม่ม้าคืน จำเลยที่ ๒ ได้คืนแม่ม้าให้ไปโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์และแจ้งให้โจทก์ทราบ ขณะนั้นแม่ม้ากำลังตั้งท้องและขณะฟ้องคดีแม่ม้าได้คลอดลูกแล้ว มีราคา ๗๐,๐๐๐ บาท โจทก์ติดต่อขอม้าคืนแต่จำเลยที่ ๑ ไม่คืนให้ ขอให้บังคับจำเลยที่ ๑ ส่งมอบแม่ม้ามหาเทวีพร้อมทั้งลูกม้าให้แก่โจทก์ในสภาพที่เป็นปกติ หากส่งมอบไม่ได้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงิน ๘๐,๐๐๐ บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ยอีกร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ทำละเมิดจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า แม่ม้าและลูกม้าเป็นของนายประชา จำเลยที่ ๑ นำแม่ม้าไปผสมพันธุ์ โจทก์ได้ขอซื้อแม่ม้าจากจำเลยที่ ๑ จริง โจทก์วางมัดจำ ๘,๐๐๐ บาท ส่วนเงินอีก ๒,๐๐๐ บาทและค่าเลี้ยงอีกเดือนละ ๗๐๐ บาทโจทก์จะชำระในวันที่รับแม่ม้าไป จำเลยที่ ๑ แจ้งแก่โจทก์ว่า แม่ม้าเป็นของนายประชากำลังตั้งท้อง นายประชาจะขายหรือไม่ ไม่ทราบ โจทก์ขอให้จำเลยที่ ๑ รับเงินไว้ก่อน ถ้านายประชาไม่ขายจะขอเงินคืน ต่อมาโจทก์และจำเลยที่ ๒ ได้ไปเอาแม่ม้าไปโดยหลอกคนเลี้ยงม้าว่าได้บอกจำเลยที่ ๑แล้ว ซึ่งจำเลยที่ ๑ และนายประชามิได้รู้เห็นด้วย จำเลยที่ ๑ ติดต่อบอกให้โจทก์นำแม่ม้าคืนแต่โจทก์เพิกเฉย จำเลยที่ ๑ จึงบอกเลิกสัญญาแล้วติดตามเอาแม่ม้าคืนจากจำเลยที่ ๒ โดยนำหลักฐานคืนเงินแก่โจทก์มอบให้จำเลยที่ ๒ ไว้ ลูกม้าราคาไม่เกิน ๔,๐๐๐ บาท สัญญาซื้อขายเป็นโมฆะ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า แม่ม้าเป็นของนายประชา นายประชาไม่ได้ขายให้โจทก์ สัญญาซื้อขายทำไม่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นโมฆะ จำเลยที่ ๒ รับเลี้ยงม้าจากโจทก์จริง โดยเข้าใจว่าโจทก์เป็นเจ้าของ จำเลยที่ ๑ ติดตามเอาแม่ม้าคืนและได้ทำหลักฐานการรับให้ไว้ จำเลยที่ ๒ ก็แจ้งให้โจทก์ทราบทันที ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ส่งมอบแม่ม้าพร้อมลูกม้าพิพาทแก่โจทก์ถ้าไม่สามารถส่งคืนได้ ให้จำเลยที่ ๑ ชดใช้เงินค่าแม่ม้า ๑๐,๐๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ยและให้ใช้ค่าลูกม้า ๕๐,๐๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ย ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ ๒
โจทก์และจำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑ ด้วย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า แม่ม้าตัวนี้เป็นม้าแข่งมาแต่เดิม ขณะเกิดเหตุพิพาทมีอายุ ๒๐ ปีแล้ว และไม่ปรากฏว่ามีตั๋วรูปพรรณหรือไม่ การซื้อขายแม่ม้ารายนี้ไม่มีการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เห็นว่าพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พ.ศ. ๒๔๘๒ มาตรา ๘(๓) บัญญัติว่า เมื่อสัตว์พาหนะใดดังต่อไปนี้ คือ ฯ สัตว์ใดได้ใช้งานแล้ว ต้องนำไปขอจดทะเบียนทำตั๋วรูปพรรณ ฯ แม่ม้าตัวนี้เป็นม้าแข่งมาแต่เดิมแสดงว่าได้ใช้งานแล้ว จึงอยู่ในบังคับที่ต้องให้ทำตั๋วรูปพรรณ แม่ม้ารายนี้จึงเป็นสัตว์พาหนะตามความหมายของพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พ.ศ. ๒๔๘๒ มาตรา ๔ ตกอยู่ภายใต้บังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๔๕๖ ข้อที่โจทก์อ้างว่าซื้อแม่ม้าไปเพื่อผสมพันธุ์นั้นไม่เป็นเหตุให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียนการซื้อขายต่อเจ้าพนักงาน
พิพากษายืน