แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยยื่นอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์หากจำเลยประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน15 วัน ต่อมาเจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่าจำเลยทั้งสามไม่นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลภายในเวลาที่กำหนดศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2541 แม้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ภายหลังจากวันยื่นอุทธรณ์และไม่ได้แจ้งคำสั่งดังกล่าวให้จำเลยทราบก็ตามแต่การที่จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2541 ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ แสดงว่าจำเลยทราบคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวแล้วถือได้ว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งไม่รับอุทธรณ์เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2541 จำเลยจึงต้องยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวภายในกำหนดสิบห้าวันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2541 จึงเกินกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนดแล้ว ส่วนการที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์และศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องนั้น หามีผลทำให้จำเลยมีสิทธิยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาสิบห้าวันนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าวของจำเลยไม่
ย่อยาว
กรณีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 5,170,305.16 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 14.75 ต่อปีของต้นเงิน 4,457,141.05 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากจำเลยไม่ชำระหรือชำระไม่ครบให้ยึดที่ดินตามโฉนดเลขที่ 21628, 1629 พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ ถ้าได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสามออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์จนครบ
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า จำเลยทั้งสามยังพอมีเงินเสียค่าธรรมเนียมศาลได้จำเลยทั้งสามไม่ได้ยากจนจริง ให้ยกคำร้องของจำเลยทั้งสาม หากจำเลยทั้งสามประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 15 วัน ต่อมาเจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่า จำเลยทั้งสามไม่นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลภายในเวลาที่กำหนดศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสาม
จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องว่า ในวันที่ศาลมีคำสั่งให้จำเลยทั้งสามนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลภายใน 15 วัน จำเลยทั้งสามมิได้มาฟังคำสั่งศาลและศาลมิได้มีหมายแจ้งคำสั่งศาลแก่จำเลยทั้งสาม ถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามทราบคำสั่งศาล จำเลยทั้งสามมีความประสงค์จะอุทธรณ์คำพิพากษา การที่ศาลมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์โดยมิได้มีหมายแจ้งให้จำเลยทั้งสามนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลเป็นการไม่ชอบ ขอให้เพิกถอนคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ และมีหมายแจ้งคำสั่งให้จำเลยทั้งสามนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาล
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ให้ยกคำร้อง
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยทั้งสามทราบว่าศาลไม่รับอุทธรณ์ภายในวันที่14 กันยายน 2541 ซึ่งเป็นวันที่จำเลยทั้งสามแถลงขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ จำเลยทั้งสามยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์เกินกำหนดนับแต่วันดังกล่าวและไม่ได้วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมและนำเงินมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาไว้ต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ให้ส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาสั่ง
จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องอ้างว่าจำเลยทั้งสามยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งไม่รับอุทธรณ์เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2541 ศาลมิได้มีคำสั่งในวันดังกล่าวโดยศาลมีคำสั่งเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2541 จะถือว่าจำเลยทั้งสามได้ทราบคำสั่งในวันที่ 14 กันยายน 2541 ไม่ได้ แม้ในหมายเหตุท้ายคำร้องจะระบุว่า ข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้วก็ตาม กรณีดังกล่าวจะบังคับได้เฉพาะกรณีที่ศาลมีคำสั่งในวันยื่นคำร้องเท่านั้น จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องขอตรวจสอบและฟังคำสั่งศาลเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2541ถือว่าจำเลยทั้งสามได้ทราบคำสั่งศาลในวันดังกล่าวการยื่นอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งสามจึงไม่เกินกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนด จำเลยทั้งสามมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ได้ ขอให้ศาลชั้นต้นส่งสำนวนทั้งหมดไปให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งต่อไป
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า แม้ศาลชั้นต้นจะมิได้แจ้งคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสามทราบ แต่จำเลยทั้งสามได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งไม่รับอุทธรณ์เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2541 แสดงว่าในวันดังกล่าวจำเลยทั้งสามทราบคำสั่งศาลชั้นต้นแล้ว ที่จำเลยทั้งสามอ้างว่าเพิ่งทราบคำสั่งไม่รับอุทธรณ์เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2541 จึงฟังไม่ขึ้น ดังนั้น เมื่อจำเลยทั้งสามเพิ่งมายื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2541จึงเกินกำหนดเวลา 15 วัน ทั้งมิได้วางเงินหรือหาประกันสำหรับหนี้ที่จะต้องชำระตามคำพิพากษา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ให้ยกคำร้อง
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยทั้งสามยื่นอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2540ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2541 ให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ หากจำเลยทั้งสามประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 15 วัน ต่อมาวันที่ 3 กันยายน 2541 เจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่าจำเลยทั้งสามไม่นำเงินค่าธรรมเนียมาชำระต่อศาลภายในเวลาที่กำหนดศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2541
คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามว่า จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์เกินกำหนดหรือไม่ โดยจำเลยทั้งสามฎีกาว่าจำเลยทั้งสามยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2541 ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งในคำร้องดังกล่าวในวันนั้นแต่มีคำสั่งในวันที่ 15 กันยายน 2541 ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามได้ทราบคำสั่งในวันที่ 14 กันยายน 2541 จำเลยทั้งสามเพิ่งยื่นคำร้องขอฟังคำสั่งศาลเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2541 ถือว่าจำเลยทั้งสามได้ทราบคำสั่งในวันดังกล่าว จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2541 จึงไม่เกินกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนดนั้น เห็นว่า แม้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ภายหลังจากวันยื่นอุทธรณ์และไม่ได้แจ้งคำสั่งดังกล่าวให้จำเลยทั้งสามทราบก็ตาม แต่การที่จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2541 ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ แสดงว่าจำเลยทั้งสามทราบคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวแล้ว ถือได้ว่าจำเลยทั้งสามได้ทราบคำสั่งไม่รับอุทธรณ์เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2541 จำเลยทั้งสามต้องยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวภายในกำหนดสิบห้าวันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 เมื่อจำเลยทั้งสามยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2541 จึงเป็นการยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งเกินกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนด การที่จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์และศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องนั้น หามีผลทำให้จำเลยทั้งสามมีสิทธิยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาสิบห้าวันนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าวของจำเลยดังที่จำเลยทั้งสามฎีกาไม่
พิพากษายืน