คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 73/2561

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สภาพแห่งการบังคับคดีที่จะบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมก็ดี หรือชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองก็ดี มิใช่เรื่องที่เปิดช่องให้ทำได้โดยทางเจ้าพนักงานบังคับคดี โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจึงไม่อาจร้องขอต่อศาลชั้นต้นเพื่อให้ออกหมายบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 275 ประกอบมาตรา 276 สำหรับหนี้ที่จำเลยจะต้องโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ แม้รถยนต์ตามข้อ 1.7 ถึง 1.10 จำเลยโอนทะเบียนเป็นชื่อของบุตรแล้ว และรถยนต์ตามข้อ 1.11 โจทก์เป็นผู้มีชื่อทางทะเบียน แต่รถยนต์เป็นสังหาริมทรัพย์ การโอนกรรมสิทธิ์จะต้องมีการส่งมอบทรัพย์ด้วย ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยยังไม่ได้ส่งมอบรถยนต์ดังกล่าว ถือว่ายังไม่ได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์มีสิทธิขอให้ดำเนินการบังคับคดีทางเจ้าพนักงานบังคับคดีแก่จำเลยได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความโดยมีข้อความว่า
ข้อ 1. โจทก์และจำเลยตกลงแบ่งทรัพย์สินดังต่อไปนี้
1.1 ที่ดินโฉนดเลขที่ 45203 จำเลยมีกรรมสิทธิ์รวม 1 ใน 3 ส่วน ในส่วนของจำเลยตกลงโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์โดยจำเลยตกลงส่งมอบต้นฉบับโฉนดที่ดินพร้อมเอกสารชุดโอน ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2556
1.2 ที่ดินโฉนดเลขที่ 35001 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ติดจำนองไว้กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 6,000,000 บาท จำเลยตกลงผ่อนชำระหนี้แก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จนเสร็จสิ้น แล้วโอนกรรมสิทธิ์ให้บุตรทั้งสี่
1.3 ที่ดินโฉนดเลขที่ 61485 จำเลยตกลงโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์ โดยจำเลยตกลงส่งมอบต้นฉบับโฉนดที่ดินพร้อมเอกสารชุดโอน ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2556
1.4 ห้องชุดเลขที่ 172-14/206 อาคารชุดลัดดาคอนโดวิว ติดจำนองไว้กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 3,000,000 บาท จำเลยตกลงผ่อนชำระหนี้แก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จนเสร็จสิ้น แล้วโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่บุตรทั้งสี่
1.5 ทาวน์เฮ้าส์ชั้นเดียว โครงการหมู่บ้านห้วยปราบบึงทอง ติดจำนองไว้กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 270,000 บาท จำเลยตกลงผ่อนชำระหนี้แก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จนเสร็จสิ้น แล้วโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่บุตรทั้งสี่
1.6 รถยนต์บรรทุก 6 ล้อ ทะเบียน 83 – 7687 ชลบุรี จำเลยตกลงโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่บุตรทั้งสี่หรือบุตรคนใดคนหนึ่ง
1.7 รถยนต์กระบะ ทะเบียน ผก – 5388 ชลบุรี จำเลยตกลงโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่บุตรทั้งสี่หรือบุตรคนใดคนหนึ่ง
1.8 รถยนต์กระบะ ทะเบียน ผฉ – 3114 ชลบุรี จำเลยตกลงโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่บุตรทั้งสี่หรือบุตรคนใดคนหนึ่ง
1.9 รถยนต์กระบะ ทะเบียน ผก – 9562 ชลบุรี จำเลยตกลงโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่บุตรทั้งสี่หรือบุตรคนใดคนหนึ่ง
1.10 รถยนต์กระบะ ทะเบียน ผก – 8037 ชลบุรี (ที่ถูก ผค – 8037) จำเลยตกลงโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่บุตรทั้งสี่หรือบุตรคนใดคนหนึ่ง
1.11 รถยนต์กระบะ ทะเบียน 1 ธ – 4352 ชลบุรี จำเลยตกลงโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่บุตรทั้งสี่หรือบุตรคนใดคนหนึ่ง
ข้อ 2 โจทก์และจำเลยตกลงไม่ติดใจเรียกร้องทรัพย์สินที่เป็นสินสมรส, ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรทั้งสี่ และค่าใช้จ่ายใด ๆ ต่อเดือน ตามบันทึกท้ายทะเบียนการหย่าและหนังสือสัญญาหย่า ฉบับลงวันที่ 15 มิถุนายน 2549 อีกต่อไป
ข้อ 3 ทรัพย์สินตามข้อ 1.2, 1.4 และ 1.5 จำเลยมีสิทธิครอบครองและใช้ประโยชน์จนกว่าจำเลยจะชำระหนี้แก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่บุตรทั้งสี่
ข้อ 4 หากจำเลยผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใด ยินยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันที
ข้อ 5 ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความส่วนที่ศาลสั่งไม่คืนเป็นพับ
ข้อ 6 หากจำเลยไม่โอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามข้อ 1.1 และข้อ 1.3 ให้แก่โจทก์ ให้ถือเอาคำพิพากษาตามยอมและสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลย
ข้อ 7 โจทก์และจำเลยตกลงยินยอมตามข้อ 1 ถึงข้อ 6
โจทก์ยื่นคำขอให้ออกหมายบังคับคดีว่า จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความและผิดนัดหลายเดือนจนกระทั่งวันที่ 28 มกราคม 2557 จำเลยเพิ่งมอบต้นฉบับชุดโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 45203 และ 61485 แก่โจทก์ และรถยนต์กระบะตามสัญญาข้อ 1.7 และข้อ 1.8 ทะเบียน ผก – 5388 ชลบุรี และ ผฉ – 3114 ชลบุรี จำเลยโอนทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็นของนายนันทิภาคย์ วันที่ 23 และ 22 มกราคม 2557 แต่ไม่มอบการครอบครองรถให้นายนันทิภาคย์ส่วนทรัพย์สินอื่น ๆ นอกจากนี้จำเลยไม่ปฏิบัติตามยอม ขอให้ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์ตามสัญญายอมข้อ 1.2 ที่ดินโฉนดเลขที่ 35001 ข้อ 1.4 ห้องชุดเลขที่ 172-14/206 ข้อ 1.5 ทาวน์เฮ้าส์ชั้นเดียว โครงการหมู่บ้านห้วยปราบบึงทอง โดยให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยขายทอดตลาดชำระหนี้จำนองแล้วโอนให้บุตรทั้งสี่ของโจทก์กับจำเลย ให้จำเลยรับผิดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ กับขับไล่จำเลยและบริวารพร้อมทั้งขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ห้ามมิให้ยุ่งเกี่ยวอีกต่อไป ข้อ 1.7 รถยนต์กระบะ ทะเบียน ผก – 5388 ชลบุรี และข้อ 1.8 รถยนต์กระบะ ผฉ – 3114 ชลบุรี ให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดเพื่อส่งมอบให้แก่เจ้าของ ส่วนทรัพย์สินตามข้อ 1.6 รถยนต์บรรทุก 6 ล้อ ทะเบียน 83 – 7687 ชลบุรี ข้อ 1.9 รถยนต์กระบะ ทะเบียน ผก – 9562 ข้อ 1.10 รถยนต์กระบะ ทะเบียน ผค – 8037 ชลบุรี และข้อ 1.11 รถยนต์กระบะ ทะเบียน 1 ธ – 4352 ชลบุรี ให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดและให้ใช้คำพิพากษาตามยอมแทนการแสดงเจตนาของจำเลยในการโอนกรรมสิทธิ์และเปลี่ยนชื่อทางทะเบียนให้บุตรทั้งสี่หรือคนใดคนหนึ่ง โดยจำเลยเสียค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ออกหมายบังคับคดีตามคำขอของโจทก์
โจทก์ยื่นคำขอยึดทรัพย์ตามหมายบังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดียกคำขอ
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีและให้รับคำขอยึดทรัพย์ของโจทก์ไว้ดำเนินการต่อไป
จำเลยยื่นคำคัดค้านขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง เพิกถอนคำสั่งและหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษากลับว่า ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้เพิกถอนคำสั่งและหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี ให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีใหม่เพื่อบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความในข้อที่จำเลยยังมิได้ปฏิบัติการชำระหนี้ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์และจำเลยว่า โจทก์สามารถดำเนินการบังคับคดีทางเจ้าพนักงานบังคับคดีแก่จำเลยได้เพียงใด เห็นว่า คดีนี้หนี้ตามคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่จำเลยจะต้องชำระแก่โจทก์นั้น คือหนี้ที่จำเลยจะต้องโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ที่มีทะเบียนการค้าและใบประกอบการขนส่งตามข้อ 1.6 ให้แก่บุตรทั้งสี่หรือบุตรคนใดคนหนึ่งเป็นหนี้ที่จำเลยยังไม่อาจปฏิบัติการชำระหนี้เพราะบุตรทั้งสี่ไม่มีทะเบียนการค้าหรือใบประกอบการขนส่ง ส่วนหนี้ที่จำเลยจะต้องชำระแก่ธนาคารจนเสร็จสิ้นแล้วโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินห้องชุด และทาวน์เฮ้าส์ ที่จำนองอยู่แก่ธนาคารดังกล่าวตามข้อ 1.2, 1.4 และ 1.5 ให้แก่บุตรทั้งสี่ ถือว่าเป็นหนี้ที่จำเลยจะต้องกระทำการไถ่ถอนทรัพย์สินซึ่งจำนองให้เสร็จสิ้นก่อนแล้วจึงจะโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินนั้นให้แก่บุตรตามคำพิพากษาตามยอม มิใช่หนี้ตามคำพิพากษาที่กำหนดให้จำเลยชำระเงินจำนวนหนึ่งแก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา สภาพแห่งการบังคับคดีที่จะบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมก็ดี หรือชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองก็ดี มิใช่เรื่องที่เปิดช่องให้ทำได้โดยทางเจ้าพนักงานบังคับคดี โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจึงไม่อาจร้องขอต่อศาลชั้นต้นเพื่อให้ ออกหมายบังคับคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 275 ประกอบมาตรา 276 สำหรับหนี้ที่จำเลยจะต้องโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ตามข้อ 1.7 ถึง 1.11 แม้รถยนต์ตามข้อ 1.7 ถึง 1.10 จำเลยโอนทะเบียนเป็นชื่อของบุตรแล้ว และรถยนต์ตามข้อ 1.11 โจทก์เป็นผู้มีชื่อทางทะเบียน แต่รถยนต์เป็นสังหาริมทรัพย์ การโอนกรรมสิทธิ์จะต้องมีการส่งมอบทรัพย์ด้วย ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยยังไม่ได้ส่งมอบรถยนต์ดังกล่าว ถือว่ายังไม่ได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์มีสิทธิขอให้ดำเนินการบังคับคดีทางเจ้าพนักงานบังคับคดีแก่จำเลยได้ คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่กลับคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้เพิกถอนคำสั่งและหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยยังคงให้ออกหมายบังคับคดีในส่วนหนี้ตามคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ข้อ 1.7 ถึง 1.11 จึงชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์และจำเลยฟังขึ้นบางส่วน ปัญหาอื่นไม่จำต้องวินิจฉัย
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและศาลฎีกาให้เป็นพับ

Share