คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 73/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยยอมออกจากที่ดินวัดปทุมคงคาเพื่อให้โจทก์ปลูกตึกแถวโจทก์สัญญาว่าปลูกแล้วจะให้จำเลยเช่า 1 คูหา ซึ่งตามแต่โจทก์จะเป็นผู้เลือกให้ จำเลยจะต้องช่วยค่าก่อสร้าง 20,000 บาท
สร้างเสร็จจำเลยเข้าอยู่ในห้องเลขที่ 66/8 โจทก์จึงฟ้องว่าจำเลยเข้าอยู่ในห้อง 66/8 โดยพละการมิได้รับความยินยอมจากโจทก์โจทก์ตั้งใจเลือกห้องเลข 4/4 ให้จำเลย การที่จำเลยเข้าอยู่ในห้อง 66/8 โดยมิได้รับอนุญาตจากโจทก์เป็นการละเมิดสิทธิครอบครองของโจทก์ ขอให้ขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย
เมื่อจำเลยมิได้โต้เถียงกรรมสิทธิ์ฟ้องดังกล่าวจึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์(ฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวนเป็นราคาเงินได้) ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248ที่แก้ไขใหม่ เพียงแต่โจทก์มีคำขอเรียกค่าเสียหายมาด้วยนั้น ไม่เป็นเหตุทำให้โจทก์หมดสิทธิฎีกาในข้อเท็จจริง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยอาศัยที่วัดปทุมคงคาอยู่โจทก์จำเลยทำสัญญาต่อกันโดยจำเลยยอมรื้อเรือนออกไปให้โจทก์ปลูกตึกแถว โจทก์ยอมให้จำเลยเช่าตึกแถวที่ปลูก 1 ห้อง จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญา วัดปทุมคงคาจึงฟ้องจำเลยต่อศาลแขวง ได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันต่อศาล โดยจำเลยกับบริวารยอมออกไปจากที่พิพาทเพื่อให้โจทก์ปลูกตึกแถวโจทก์คดีนี้จะให้จำเลยเช่าตึกแถวที่ปลูก 1 คูหา ซึ่งตามแต่โจทก์จะเป็นผู้เลือกให้ภายในระยะไม่เกิน 250 วัน นับแต่วันที่จำเลยส่งมอบที่ดินแก่โจทก์และเมื่อจำเลยจะเข้าอยู่ในตึกแถวที่กล่าวแล้วจำเลยจะต้องจ่ายเงินสมทบเป็นค่าปลูกสร้างให้แก่โจทก์ 20,000 บาท

โจทก์ปลูกสร้างตึกเสร็จแต่ก่อนที่โจทก์จะได้แจ้งให้จำเลยทราบว่าโจทก์ได้ตกลงเลือกให้จำเลยเข้าอยู่คูหาใด จำเลยกับบริวารเข้าไปอยู่ในห้องเลข 66/8โดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ โจทก์แจ้งให้จำเลยทราบว่าโจทก์ได้เลือกตึกห้องเลข 4/4 ให้จำเลยให้จำเลยออกจากห้องเลขที่ 66/8 และให้จ่ายเงิน 20,000 บาท จำเลยเพิกเฉย โจทก์ถือว่าจำเลยจงใจทำผิดสัญญาประนีประนอมยอมความตามที่ทำไว้ และไม่ประสงค์จะเช่าอยู่ในตึกแถวคูหาเลขที่ 4/4 ตามที่โจทก์เลือกให้การที่จำเลยกับบริวารเข้าอยู่ในห้อง 66/8โดยมิได้รับอนุญาตจากโจทก์เป็นการละเมิดต่อสิทธิครอบครองของโจทก์ทำให้โจทก์เสียหายรวมเป็นเงิน 4,800 บาท ขอให้พิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากห้องเลขที่ 66/8 และใช้ค่าเสียหาย ฯลฯ

จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ตกลงเอาห้องนี้ (66/8) ให้จำเลยตามสัญญาและจำเลยยินยอมรับเอา ห้องเลข 4/4 เป็นห้องในตึกแถวที่สร้างใหม่คนละแห่งกับตึกแถวเดิม จำเลยไม่ยินยอมตามข้อเสนอใหม่ของโจทก์ทั้งข้อเสนอใหม่ของโจทก์เป็นการผิดเจตนาสัญญาประนีประนอมยอมความที่ได้ทำกันไว้ ฯลฯ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาข้อที่จำเลยคัดค้านฎีกาของโจทก์ว่า ฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้นั้นแล้วเห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยเข้ามาอยู่ในตึกแถวห้องพิพาทโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์เป็นการมิชอบขอให้ขับไล่ จำเลยมิได้โต้เถียงกรรมสิทธิ์แห่งตึกแถวรายนี้ ถ้าโจทก์มิได้เรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยด้วย ก็เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ไม่ต้องห้ามในการที่จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 (ที่แก้ไขใหม่)เพียงแต่โจทก์มีคำขอเรียกค่าเสียหายมาด้วยนั้น ไม่เป็นเหตุทำให้โจทก์หมดสิทธิที่จะฎีกาในข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าห้องรายพิพาทเป็นห้องที่โจทก์ได้แสดงเจตนาเลือกหรือเหลือเลือกให้จำเลยเช่า

พิพากษายืน

Share