แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายเข้าไปในกุฏิพระ พระเข้าใจว่าเป็นคนร้ายมาแย่งชิงทรัพย์ได้ตีกลองบอกเหตุอันตรายจำเลยและราษฎรมาช่วยและเข้าไปในกุฎิ ต่างแทงฟันทุบตีผู้ตายจนตาย โดยไม่รู้ว่าผู้ตายได้ตายเพราะบาดแผลของคนใดทำร้าย และโจทก์มิได้ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันดังนี้ไม่ถือว่าจำเลยสมคบกันฆ่าผู้ตาย จำเลยคงผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้ง ๓ ได้บังอาจใช้สามง่ามมีดและไม้ตะบองแทงฟันและตี ต. มีบาดเจ็บหลายแห่งโดยเจตนาฆ่าด้วยอาการดุร้ายทรมาณ แล้วช่วยกันมัดหามส่งสถานีตำรวจระหว่างทางได้ช่วยกันทุกตีทำร้าย ต. อีก ต. ถึงแก่ความตายได้ความว่า ต. เป็นคนบ้าขึ้นไปกุฎิพระและเข้าไปในห้องพระภิกษุใบเจ้าอาวาศ ๆ เข้าใจว่าเป็นคนร้ายมาแย่งชิงทรัพยื จึงให้ตีกลองสัญญาณบอกเหตุอันตราย จำเลยทั้ง ๓ และชาวบ้านมาพระภิกษุใบขอให้ช่วย จำเลยทั้ง ๓ ได้เข้าไปในห้องที่ ต.เข้าไปและทำร้าย ต. มีบาดเจ็บหลายแห่ง แล้วนำออกมามัดแขนขา มีชาวบ้านหาม ต. ไปส่งสถานีตำรวจ ต. ถึงแก่ความตายเพราะถูกทำร้าย
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ไม่เป็นการสมคบกันทำร้ายและโจทก์ไม่ได้ฟ้องว่าสมคบกัน เหตุการณ์ตอนแรกโจทก์สืบไม่ได้ว่าผู้ตายได้ตายเพราะบาดแผลที่จำเลยคนใดทำร้าย จำเลยมีผิดตามมาตรา ๒๕๔ จำคุกคนละ ๑ ปี โดยลด ๑ ใน ๔ ที่จำเลยรับชั้นสอบสวน ริบของกลาง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยสมคบกันฆ่าผู้ตายจริงดังฟ้อง จำคุกจำเลยที่ ๑ ตลอดชีวิต จำเลยที่ ๒-๓ คนละ ๑๕ ปี ลด ๑ ใน ๓ จำคุกจำเลยที่ ๑ สิบสองปี จำเลยที่ ๒-๓ คนละ ๑๐ ปี ริบของกลาง
จำเลยทั้ง ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า ข้อหาในตอนแรกจำเลยทั้ง ๓ ได้ทำร้ายผู้ตายจริง แต่น่าเชื่อว่าราษฎรอื่นได้ทำร้ายผู้ตายด้วยเพราะมีบาดแผลถึง ๑๖ แห่ง ส่วนข้อหาในระหว่างทางไม่เชื่อว่าจำเลยได้ช่วยกันทุบตีผู้ตายอีกและเห็นว่า ฟ้องไม่ได้กล่าวว่าจำเลยสมคบกัน กรณีเป็นการต่างคนต่างทำร้าย ไม่พอให้ฟังได้ว่าเป็นการสมคบกันทำร้ายและไม่ปรากฎชัดว่าผู้ตายได้ตายเพราะบาดแผลคนใดทำร้าย ทั้งคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า จึงมีผิดแต่เพียงฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ อนึ่งแม้จำเลยเข้าใจว่าผู้ตายเป็นคนร้ายมาแย่งชิงทรัพย์ก็ไม่ปรากฎว่าผู้ตายได้ขัดขวางต่อสู้ จึงไม่เป็นเหตุแก้ตัวได้
พิพากษาแก้ว่าจำเลยทั้ง ๓ ผิดตาม ม.๒๕๔ จำคุกจำเลยที่หนึ่ง ๑ ปี ๔ เดือน จำเลยที่ ๒-๓ คนละ ๘ เดือนโดยลดให้ ๑ ใน ๓ แล้ว จำเลยที่ ๒-๓ ขังมาพอกับโทษให้ปล่อยไป สามง่ามของกลางริบ