แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท แม้ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์จะมีคำขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยที่ออกทับที่ดินของโจทก์ และให้ขับไล่จำเลยอันเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ก็ตาม แต่เมื่อจำเลยให้การต่อสู้ว่าเป็นเจ้าของที่ดินพิพาท จึงเห็นได้ว่าทั้งตามคำฟ้องของโจทก์และคำให้การของจำเลยเป็นเรื่องที่โจทก์จำเลยโต้เถียงแย่งสิทธิครอบครองหรือความเป็นเจ้าของกันในที่ดินพิพาท ซึ่งเป็นประเด็นหลัก ดังนั้น ตามคำฟ้องของโจทก์ที่ขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์และขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาทนั้น จึงเป็นผลอันเนื่องมาจากว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ คำขอท้ายฟ้องโจทก์จึงเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ที่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 150 วรรคแรก คดีนี้จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ที่ดินพิพาทราคา 210,000 บาท ย่อมเป็นคดีที่อยู่ในเขตอำนาจของศาลแขวงตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 17 , 25 (4)
ย่อยาว
เดิมคดีเรื่องนี้โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดขอนแก่น เมื่อจำเลยให้การแล้ว ศาลจังหวัดขอนแก่นเห็นว่า เป็นคดีที่อยู่ในเขตอำนาจของศาลแขวงขอนแก่น จึงให้โอนสำนวนไปยังศาลแขวงขอนแก่นตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา ๑๖ วรรคท้าย
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องให้เพิกถอนการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ ๑๙๒๘ ในส่วนที่ออกทับที่ดินที่โจทก์มีสิทธิครอบครอง กับขอบังคับให้จำเลยกับบริวารออกไปจากที่ดินในส่วนที่จำเลยคัดค้านการรังวัดและในส่วนที่ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ ๑๙๒๘ ทับที่ดินที่โจทก์มีสิทธิครอบครอง
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า เดิมที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมือเปล่าที่จำเลยและบิดามารดาจำเลยครอบครองทำประโยชน์โดยทิศเหนือติดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ ๑๗๖ และที่ว่าง ทิศใต้ติดห้วยบ้านสร้าง ทิศตะวันออกติดที่ว่างและห้วยบ้านสร้าง ทิศตะวันตกติดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ ๑๗๖ ต่อมาจำเลยรับมรดกในที่ดินดังกล่าวแล้วครอบครองต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เมื่อปี ๒๕๒๐ จำเลยขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่ดินดังกล่าว เจ้าพนักงานที่ดินได้ทำการพิสูจน์ สอบสวน รังวัด และปิดประกาศ แล้วออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ ๑๙๒๘ ให้แก่จำเลย เมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๕๔๓ โจทก์นำเจ้าพนักงานที่ดินไปทำการรังวัดโดยชี้แนวรุกล้ำเข้ามาในที่ดินดังกล่าวของจำเลยบางส่วนทางทิศตะวันออก จำเลยจึงคัดค้าน เจ้าพนักงานที่ดินทำการสอบสวนเปรียบเทียบแล้วมีความเห็นว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแขวงขอนแก่นสืบพยานโจทก์ จำเลยเสร็จแล้ว วินิจฉัยว่า คดีเรื่องนี้โจทก์ฟ้องเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเป็นเงินได้หรือเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์เป็นหลัก ส่วนที่จำเลยให้การกล่าวแก้เป็นเรื่องกรรมสิทธิ์ก็เพื่อเป็นประโยชน์ในการคำนวณทุนทรัพย์ในการเสียค่าขึ้นศาลให้ถูกต้อง ตลอดจนใช้ในการพิจารณาว่าจะอุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในส่วนคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันคำนวณเป็นราคาเงินได้หรือไม่เท่านั้น คดีเรื่องนี้จึงไม่อยู่ในเขตอำนาจศาลแขวงขอนแก่นพิพากษายกฟ้อง แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องต่อศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีภายในอายุความ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลแขวงขอนแก่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๓ ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยชั้นนี้ว่า คดีเรื่องนี้อยู่ในเขตอำนาจของศาลแขวงขอนแก่นจะพิจารณาพิพากษาหรือไม่ เห็นว่า แม้ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์จะมีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ก็ตาม แต่เมื่อจำเลยให้การต่อสู้ว่าเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทที่โจทก์กล่าวอ้างว่าเป็นของโจทก์ จึงเห็นได้ว่าทั้งตามคำฟ้องของโจทก์และคำให้การของจำเลยเป็นเรื่องที่โจทก์จำเลยมีจุดประสงค์โต้เถียงแย่งสิทธิครอบครองหรือความเป็นเจ้าของกันในที่ดินพิพาท ซึ่งเป็นประเด็นหลัก ดังนั้นตามคำฟ้องของโจทก์ที่ขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์และขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาทนั้น จึงเป็นผลอันเนื่องมาจากว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ คำขอท้ายฟ้องโจทก์จึงเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ที่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้คือตามราคาที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๕๐ วรรคแรก นั้นเอง คดีเรื่องนี้จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ที่ดินพิพาทราคา ๒๑๐,๐๐๐ บาท และตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่นเช่นนี้ ย่อมเป็นคดีที่อยู่ในเขตอำนาจของศาลแขวงขอนแก่นจะพิจารณาพิพากษาตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา ๑๗ , ๒๕ (๔) พระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงขอนแก่น พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๓ การที่ศาลแขวงขอนแก่นพิพากษายกฟ้องโดยอ้างเหตุว่าคดีไม่อยู่ในอำนาจของศาลแขวงขอนแก่นจะพิจารณาพิพากษาได้นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษายกคำพิพากษาศาลแขวงขอนแก่น ให้ศาลแขวงขอนแก่นพิพากษาคดีใหม่ต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ.