คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1383/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ร่วมหรือจำเลยร่วมไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ร่วม หากปรากฏว่ามีผลประโยชน์ร่วมกันในมูลความแห่งคดี ก็เป็นโจทก์ร่วมหรือจำเลยร่วมได้ และตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 290 บัญญัติว่า ถ้าการชำระหนี้อันอาจแบ่งชำระได้ เมื่อเป็นที่สงสัยให้สันนิษฐานว่าลูกหนี้เจ้าหนี้จะต้องรับผิดหรือชอบที่จะได้รับชำระหนี้เป็นส่วนๆ เท่าๆ กัน ฉะนั้นลูกหนี้ตามคำพิพากษาจะขอชำระหนี้เงินซึ่งอาจแบ่งแยกได้แก่โจทก์ ซึ่งมีอยู่หลายคนแต่เพียงคนเดียวโดยสิ้นเชิง โดยอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 298 หาได้ไม่

ย่อยาว

เนื่องจากห้างหุ้นส่วนจำกัดพักตร์พริ้งโดยนางวลัยพลอยพรหมเป็นผู้จัดการและส่วนตัว เป็นโจทก์ที่ 1 นางสงวนวงศ์ ศรสงครามโจทก์ที่ 2 นางเนียรจรัส ยุทธวินัย โจทก์ที่ 3 ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยนี้กรณีจำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ร้านพักตร์พริ้งไว้ก่อนมีคำพิพากษาในคดีหนึ่งแล้วต่อมาศาลสั่งถอนการยึดทรัพย์ จึงเป็นเหตุให้โจทก์เสียหาย จำเลยให้การต่อสู้คดีหลายประการและว่านางวลัย นางสงวนวงศ์ และนางเนียรไม่มีอำนาจฟ้องโดยส่วนตัว ต่อมาโจทก์และจำเลยตกลงประนีประนอมยอมความกันต่อศาลมีข้อความสำคัญว่า จำเลยยอมใช้เงินให้โจทก์ 50,000 บาท ศาลพิพากษาตามยอมแล้วหลังจากศาลออกคำบังคับตามคำพิพากษา จำเลยยื่นคำร้องว่านางวลัยโจทก์เป็นหนี้จำเลยเป็นเงินกว่า 50,000 บาท นางวลัยในส่วนตัวกับพวก โจทก์มีฐานะเป็นเจ้าหนี้ร่วม จำเลยมีสิทธิที่จะเลือกชำระหนี้แก่เจ้าหนี้คนใดก็ได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 298 จำเลยขอใช้สิทธิเลือกชำระหนี้แก่นางวลัยในฐานะส่วนตัวแต่ผู้เดียว จำเลยขอใช้สิทธิหักกลบลบหนี้จึงไม่จำเป็นต้องชำระเงินแก่ผู้ใดอีก

โจทก์คัดค้านว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดพักตร์พริ้งเป็นนิติบุคคลการที่ฟ้องส่วนตัวเข้ามาด้วย เพื่อป้องกันความผิดพลาด ถ้าจำเลยจะหักใช้หนี้เฉพาะส่วนตัวของนางวลัย 2 ใน 5 ส่วนโจทก์ก็ยินยอมไม่ยอมให้หักหนี้ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคลด้วย

ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จึงให้ยกคำร้องเสีย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การหักกลบลบหนี้จะต้องเป็นกรณีที่ต่างฝ่ายต่างเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้ซึ่งกันและกัน ในเรื่องหักกลบลบหนี้ไม่มีข้อบัญญัติให้อำนาจลูกหนี้เอาหนี้ที่ตนเป็นเจ้าหนี้แก่เจ้าหนี้คนหนึ่งไปหักกลบลบหนี้กับส่วนของเจ้าหนี้ร่วมคนอื่น จึงพิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า เดิมจำเลยคัดค้านว่า นางวลัย นางสงวนวงศ์และนางเนียรไม่มีอำนาจฟ้องในฐานะส่วนตัว แต่ชั้นนี้กลับว่านางวลัยกับพวกได้ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องในฐานะส่วนตัวเพื่อจะเลือกชำระหนี้ด้วยการหักกลบลบหนี้ จำเลยเอาประโยชน์ทั้งสองทางตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 59 การที่บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปจะเป็นโจทก์หรือจำเลยร่วมกันนั้น หากปรากฏว่ามีผลประโยชน์ร่วมในมูลความแห่งคดี ก็เป็นโจทก์หรือจำเลยร่วมกันได้แต่ไม่ให้ถือว่าแทนซึ่งกันและกัน เว้นแต่มูลคดีเป็นการชำระหนี้จึงแยกกันไม่ได้ และตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 290 ว่า ถ้าการชำระหนี้แบ่งชำระได้ และมีลูกหนี้ก็ดี เจ้าหนี้ก็ดีหลายคน เมื่อเป็นที่สงสัย ท่านว่าลูกหนี้เจ้าหนี้แต่ละคนจะต้องรับผิดหรือชอบที่จะได้รับชำระหนี้เป็นส่วนเท่า ๆ กัน ฉะนั้นการที่ผู้เป็นหุ้นส่วนของห้างหุ้นส่วนจำกัด ฟ้องคดีรวม ๆ กันขึ้นมาแล้วตกลงยอมความรวม ๆ กัน ในฐานะโจทก์ด้วยกันนั้น ยังไม่พอฟังว่าโจทก์ทุกคนเป็นเจ้าหนี้ร่วม จำเลยจึงจะมาหักกลบลบหนี้เอาอย่างลูกหนี้และเจ้าหนี้ร่วมไม่ได้

พิพากษายืน

Share