คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 198/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยลักเล่นการพนันสลากกินรวบพนันเอาทรัพย์สินกัน ขอให้ลงโทษดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุมเพราะการเล่นการพนันสลากกินรวบนั้น เป็นการพนันประเภท 1 ที่ได้ระบุไว้ในพ.ร.บ.การพนันแล้ว ส่วนที่ว่าการพนันสลากกินรวบเล่นกันอย่างใดนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จะนำสืบในเวลาพิจารณาได้ ไม่จำต้องบรรยายมาในฟ้อง
ในฟ้องโจทก์บรรยายมาด้วยว่า จำเลยเคยต้องโทษฐานเล่นการพนันมาแล้ว พ้นโทษไปยังไม่เกิน 3 ปีและอ้าง พ.ร.บ.การพนัน(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2485 มาตรา3 ซึ่งเป็นบทเพิ่มโทษมาด้วยแม้จะไม่มีคำขอให้เพิ่มโทษจำเลยก็ถือได้ว่าโจทก์ฟ้องขอให้เพิ่มโทษจำเลยมาด้วยแล้ว ศาลย่อมพิพากษาให้เพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมายที่กล่าวได้
โจทก์นำสืบวิธีเล่นได้ว่า จำเลยขายสลากให้แก่ผู้ซื้อโดยถือเอาเลขท้าย 3 ตัวของรางวัลที่ 1 ของสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดที่จะออกต่อไปเป็นหลักแพ้ชนะถ้าเลขสลากที่ผู้ซื้อตรงกับเลขท้าย 3 ตัวที่ออก ผู้ขายก็จะต้องใช้เงินให้ผู้ซื้อดังนี้ ฟังได้ว่า จำเลยเป็นเจ้ามือเล่นการพนันสลากกินรวบแล้วและแม้ว่า จำเลยจะถูกจับเสียก่อนวันที่สลากกินแบ่งในงวดนั้นจะออกก็ดีก็ถือได้ว่าเป็นความผิดสำเร็จแล้ว ตั้งแต่เมื่อจำเลยขายสลากให้แก่ผู้ซื้อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยลักเล่นการพนันสลากกินรวบ และว่าจำเลยเคยต้องโทษฐานลักเล่นการพนันมาแล้ว พ้นโทษไปไม่เกิน 3 ปี ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 9, 12 พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2485 มาตรา 4 พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 3)พ.ศ. 2485 มาตรา 3 พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2490 มาตรา 3

จำเลยปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามฟ้อง ฯลฯ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเชื่อข้อเท็จจริงว่า จำเลยเล่นการพนันสลากกินรวบจริงการที่จำเลยจำหน่ายสลากให้แก่นายสุรีย์ โดยรู้กันว่า ถือเอาเลขท้ายของรางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาลที่จะออกในวันที่ 27 กันยายน 2494 เป็นหลักการแพ้ชนะ หากเลขสลากที่ผู้ซื้อตรงกับเลขท้ายดังกล่าวมา จำเลยก็จะใช้เงินให้เช่นนี้ฟังได้ว่า จำเลยเป็นเจ้ามือเล่นการพนันสลากกินรวบแล้ว แม้ว่าเจ้าพนักงานจะจับจำเลยมาสอบสวนเสียก่อนวันที่สลากกินแบ่งในงวดนั้นจะออกก็ดี เพราะความผิดชนิดนี้ย่อมสำเร็จตั้งแต่เมื่อจำเลยขายสลากให้แก่ผู้ซื้อไป

ส่วนเรื่องคำบรรยายฟ้อง โจทก์ก็บรรยายหาว่า จำเลยลักเล่นการพนันสลากกินรวบพนันเอาทรัพย์สินกัน ซึ่งการพนันสลากกินรวบนี้เป็นการพนันประเภท 1 ที่ได้ระบุไว้ในพระราชบัญญัติการพนันแล้วจำเลยย่อมทราบข้อหาได้ดีว่าต้องหาเรื่องอะไร ส่วนที่ว่าการพนันสลากกินรวบเล่นกันอย่างใดนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จะนำสืบในเวลาพิจารณาได้ ไม่จำต้องบรรยายมาในฟ้อง ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

ในเรื่องข้อขอให้เพิ่มโทษหรือไม่นั้น โจทก์บรรยายมาว่าจำเลยเคยต้องโทษฐานลักเล่นการพนันมาแล้ว พ้นโทษไปยังไม่เกิน 3 ปี และอ้างพระราชบัญญัติฉบับที่ 3 พ.ศ. 2485 มาตรา 3 อันเป็นกฎหมายที่บัญญัติให้ลงโทษผู้กระทำผิดซ้ำภายใน 3 ปี หนักกว่าธรรมดา จึงไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องขอให้เพิ่มโทษจำเลยอีก

จึงพิพากษายืน

Share