แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ใช้ปืนสั้นตีเขามีบาดแผลฟกช้ำโลหิตขับที่ใต้ขมับขวา 1แห่ง ฟกซ้ำที่แก้ซ้าย 3 แห่งและที่ข้อมือซ้ายถูกของมีคมอีก 1 แห่ง ย่อมถือได้ว่าเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 254
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้กำลังกายชกต่อยผู้เสียหายถึงบาดเจ็บ ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยใช้ปืนสั้นตีผู้เสียหายถึงบาดเจ็บ ดังนี้การชกต่อยกับการใช้ปืนสั้นตีเป็นกิริยาอาการที่ใกล้ชิดกัน ยังไม่พอจะชี้ขาดว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง ถึงกับยกฟ้องตาม ป.วิ.อาญามาตรา 192
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยข้อกฎหมายว่าโจทก์นำสืบข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง แม้ศาลอุทธรณ์จะยกฟ้องในข้อเท็จจริง โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้ ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 219
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๒๕๔,๒๔๙,๖๐
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อหาฐานทำร้ายร่างกายนั้น ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยข้อกฎหมายว่าโจทก์นำสืบข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง แม้ศาลอุทธรณ์จะยกฟ้องโจทก์ในข้อเท็จจริง โจทก์ฎีกาได้ ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.อาญามาตรา ๒๑๙
ส่วนข้อเท็จจริงฟังว่าจำเลยใช้ปืนสั้นตีผู้เสียหายมีบาดแผลฟกซ้ำโลหิตขับที่ใต้ขมับขวา ๑ แห่ง มีแผลฟกซ้ำที่แก้มซ้าย ๓ แห่ง และที่ข้อมือซ้ายถูกของมีคมอีก ๑ แห่ง นับว่าเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๒๕๔ แล้ว
แม้โจทก์จะฟ้องว่าจำเลยใช้กำลังกายชกต่อยนายสานิตย์ แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยใช้ปืนสั้นตีนายสานิตย์ ไม่ตรงกับฟ้องก็ดี การชกต่อยกับการใช้ปืนสั้นตี ก็เป็นกิริยาอาการที่ใกล้ชิดกัน ยังไม่พอจะชี้ขาดว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงดังที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ถึงกับยกฟ้องโจทก์ตาม ป.วิ.อาญามาตรา ๑๙๒
จึงพิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ให้ลงโทษ จำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๒๕๔ ฯลฯ