แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้จะได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยให้เจ้าหนี้ มีสิทธิเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทน้ำตาล ย. จำกัด จำนวน3,000 หุ้น มูลค่า เป็นเงิน 3,000,000 บาท เพื่อแลกเปลี่ยนกับการโอนสิทธิเรียกร้องและ ระงับหนี้ซึ่งลูกหนี้สั่งจ่ายเช็คไว้ตามสัญญากู้ก็ตาม แต่ปรากฏว่าไม่ชอบ ด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่ง มาตรา 1119 นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางไม่จดทะเบียนให้ จึงไม่มีผลบังคับ หนี้เดิมของเจ้าหนี้จึงยังไม่ระงับสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ตามเช็คของลูกหนี้ ย่อมไม่โอนไปยังบริษัทน้ำตาล ย. จำกัด เจ้าหนี้มีสิทธิ ที่จะได้รับชำระหนี้รายนี้ได้
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลจังหวัดระยอง มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยลูกหนี้เด็ดขาดเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2521 ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14 บริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล ทรัสท์ แอนด์ ไฟแนนซ์ จำกัดได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยตามสัญญากู้เป็นเงิน 3,804,657.52บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ในฐานะเป็นเจ้าหนี้ไม่มีประกัน
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ให้บรรดาเจ้าหนี้ ลูกหนี้ ตรวจคำขอรับชำระหนี้รายนี้แล้ว เจ้าหนี้รายที่ 6 ที่ 8 โต้แย้งว่า หนี้ดังกล่าวไม่มีหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือต้องห้ามมิให้ฟ้องร้องและหนี้ดังกล่าวมีการประนีประนอมระหว่างลูกหนี้และเจ้าหนี้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยโอนสิทธิเรียกร้องในฐานะเจ้าหนี้ให้แก่เจ้าหนี้รายที่ 6 (บริษัทน้ำตาลระยอง จำกัด) เรียบร้อยแล้ว ขอให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้ว ทำความเห็นว่า ลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้แล้วต่อมาได้ทำความตกลงเรื่องหนี้สิน โดยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ทำการแปลงหนี้ใหม่ สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้อันมีต่อลูกหนี้จึงระงับไปตามสัญญา เอกสารหมาย จ.9 และ ต.1 เป็นเหตุให้หนี้เดิมระงับลูกหนี้หลุดพ้นมิต้องรับผิดในหนี้เดิมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 349, 350 เจ้าหนี้จึงขอรับชำระหนี้ตามมูลหนี้เดิมไม่ได้ ไม่มีสิทธิจะได้รับชำระหนี้ควรยกคำขอรับชำระหนี้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้
เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้รายนี้ได้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทบ้านค่ายอุตสาหกรรมจำกัด ลูกหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ลูกหนี้ได้ทำสัญญากู้เงินเจ้าหนี้ 3,000,000บาท ตามเอกสารหมาย จ.2 และได้รับเงินดังกล่าวไปครบถ้วนแล้วในการนี้ลูกหนี้ได้ออกเช็คลงวันที่ล่วงหน้าให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้เพื่อเป็นการชำระหนี้ตามเอกสารหมาย จ.3 ถึง จ.5 และเอกสารหมาย ต.2 ถึง ต.4 ปรากฏว่าเจ้าหนี้รับเงินตามเช็คไม่ได้ ต่อมาเจ้าหนี้ตกลงกับลูกหนี้และบริษัทน้ำตาลระยองจำกัด บุคคลภายนอกกับเจ้าหนี้รายอื่น ๆ แล้วทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับลูกหนี้ โดยให้เจ้าหนี้มีสิทธิเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทน้ำตาลระยอง จำกัด จำนวน 3,000 หุ้น มูลค่าเป็นเงิน 3,000,000 บาท เพื่อแลกเปลี่ยนกับการโอนสิทธิเรียกร้องและระงับหนี้ตามเช็คซึ่งลูกหนี้สั่งจ่ายไว้ตามสัญญากู้ ตามเอกสาร จ.9 และ ต.1 ปรากฏว่าหลังจากที่บริษัทน้ำตาลระยอง จำกัด ได้ขอจดทะเบียนเพิ่มทุนของบริษัทอีก 60 ล้านบาท แบ่งหุ้นออกเป็น60,000 บาท โดยจัดสรรให้แก่เจ้าหนี้ของลูกหนี้รายนี้ 3,000 หุ้น ปรากฏว่านายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางไม่ยอมรับจดทะเบียนให้เพราะเอาหนี้ (สิทธิเรียกร้อง) มาลงทุนแทนเงินไม่ได้ เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ลูกหนี้จึงจัดการให้เจ้าหนี้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทน้ำตาลระยอง จำกัดผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องหนี้ตามเช็คของเจ้าหนี้ไม่ได้ เจ้าหนี้จึงยื่นคำขอรับชำระหนี้รายนี้
ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งให้บริษัทน้ำตาลระยอง จำกัด (เจ้าหนี้รายที่ 6) ได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้เต็มตามจำนวนที่ขอซึ่งรวมถึงเช็คจำนวน 3,000,000 บาทดังกล่าวด้วย ซึ่งหากให้เจ้าหนี้รายนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้ก็จะกลายเป็นว่าลูกหนี้ต้องรับผิดชดใช้สองครั้งนั้นศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้จะได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยให้เจ้าหนี้มีสิทธิเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทน้ำตาลระยองจำกัด จำนวน 3,000 หุ้น มูลค่าเป็นเงิน 3,000,000 บาท เพื่อแลกเปลี่ยนกับการโอนสิทธิเรียกร้องและระงับหนี้ซึ่งลูกหนี้สั่งจ่ายเช็คไว้ตามสัญญากู้ก็ตามแต่ปรากฏว่าไม่ชอบด้วยบทบัญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1119 นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางไม่จดทะเบียนให้จึงไม่มีผลบังคับ หนี้เดิมของเจ้าหนี้จึงยังไม่ระงับ สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ตามเช็คของลูกหนี้ ย่อมไม่โอนไปยังบริษัทน้ำตาลระยอง จำกัด เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้รายนี้ได้
พิพากษายืน