คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 728/2548

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ในกรณีที่โจทก์ขาดนัดพิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 202 หากจำเลยมิได้แจ้งต่อศาลในวันสืบพยานขอให้ดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป ศาลจะต้องมีคำสั่งจำหน่ายคดีนั้นเสียจากสารบบความ การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องไว้ก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลให้รอสั่งในวันนัดและจำเลยที่ 1 แถลงคัดค้านการขอถอนฟ้องของโจทก์เป็นคนละกรณีกับการที่จะให้ศาลดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้แจ้งต่อศาลในวันสืบพยานขอให้ดำเนินการพิจารณาคดีต่อไปตามบทกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีจากสารบบความจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว แต่การที่ศาลชั้นต้นอ้างเหตุในคำสั่งจำหน่ายคดีว่าโจทก์ทิ้งฟ้องนั้นเป็นการไม่ถูกต้องเพราะกรณีมิใช่เป็นเรื่องทิ้งฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินค่าเสียหายตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์จำนวน 307,857.72 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การว่า สัญญาเช่าซื้อเป็นโมฆะเพราะผู้ที่ลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจให้ลงนามแทนโจทก์ในสัญญาเช่าซื้อมิใช่กรรมการผู้มีอำนาจของโจทก์ ทั้งไม่ได้ประทับตราสำคัญของโจทก์ถือว่าโจทก์ไม่ได้รับความเสียหายตามฟ้อง และจำเลยที่ 3 ให้การว่าหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ไม่ได้มอบอำนาจให้ฟ้องจำเลยที่ 3 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดชี้สองสถานและให้นัดสืบพยานโจทก์ก่อนถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสองโดยอ้างเหตุว่าหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของโจทก์บกพร่องศาลชั้นต้นสั่งคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ว่า สำเนาให้จำเลยทั้งสามเนื่องจากคดีนี้จำเลยที่ 3 ให้การต่อสู้เรื่องการมอบอำนาจจึงให้รอสั่งในวันนัด
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายจำเลยทั้งสามมาศาล ส่วนโจทก์ไม่มาศาลและไม่ได้รับอนุญาตจากศาลให้เลื่อนคดี ทนายจำเลยทั้งสามได้รับสำเนาคำร้องขอถอนฟ้องแล้ว ทนายจำเลยทั้งสามแถลงว่า ในส่วนของจำเลยที่ 3 ไม่ได้คัดค้านการที่โจทก์ขอถอนฟ้องแต่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ขอคัดค้านการถอนฟ้องของโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า วันนี้เป็นวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องจึงมีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องและให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ว่า คำสั่งศาลชั้นต้นสั่งว่า โจทก์ทิ้งฟ้องและจำหน่ายคดีออกจากสารบบความเป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่า การที่โจทก์ไม่มาศาลในวันสืบพยาน และทนายจำเลยที่ 1 ได้แถลงต่อศาลชั้นต้นคัดค้านการขอถอนฟ้องของโจทก์ย่อมมีความหมายในทำนองว่าขอให้ศาลดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป ศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาแล้วให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดคดีไปฝ่ายเดียวนั้น เห็นว่า ในกรณีที่โจทก์ขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202 หากจำเลยมิได้แจ้งต่อศาลในวันสืบพยานขอให้ดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป ศาลจะต้องมีคำสั่งจำหน่ายคดีนั้นเสียจากสารบบความ การที่จำเลยที่ 1 แถลงคัดค้านการขอถอนฟ้องของโจทก์เป็นคนละกรณีกับการที่จะให้ศาลดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้แจ้งต่อศาลในวันสืบพยานขอให้ดำเนินการพิจารณาคดีต่อไปตามบทกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีจากสารบบความจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาชอบด้วยกฎหมายแล้วหาเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบดังที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ไม่ อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น แต่การที่ศาลชั้นต้นอ้างเหตุในคำสั่งจำหน่ายคดีว่าโจทก์ทิ้งฟ้องนั้นเป็นการไม่ถูกต้องเพราะกรณีมิใช่เป็นเรื่องทิ้งฟ้องแต่เป็นกรณีที่โจทก์ขาดนัดพิจารณานอกจากนี้ศาลชั้นต้นยังมิได้มีคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ตัดข้อความที่ว่า “โจทก์ทิ้งฟ้อง” ออกจากคำสั่งศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำสั่งศาลชั้นต้นค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและในชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share