แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อจำเลยต้องโทษจำคุกสองกระทงๆ หนึ่ง 5 ปี อีกกระทงหนึ่ง 1 ปีซึ่งแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปีศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามโดยศาลชั้นต้นแล้วจำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่าจำเลยสมคบกันฉุดคร่าพานางสาวจรูญไปเพื่ออนาจาร แล้วนายสมพงษ์กับนายรากรีจำเลยข่มขืนกระทำชำเรานางสาวจรูญ ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษ
จำเลยทั้งสี่ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่านายสมพงษ์นายรากรีจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 276 กระทงหนึ่งให้จำคุกคนละ 1 ปีและตามมาตรา 243 อีกกระทงหนึ่งให้จำคุกคนละ 5 ปี ส่วนนายพะวงษ์นายเฉลิมจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 276, 65 วางอัตราโทษคนละ 1 ปี ลดฐานสมรู้ให้ 1 ใน 3 คงจำคุกนายพะวงษ์ 8 เดือน นายเฉลิมจำเลยเคยต้องโทษมาแล้ว โทษที่จะเพิ่มกับที่จะลดเสมอกันจึงไม่ต้องลด คงจำคุก 1 ปี
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
นายพะวงษ์ตายในชั้นอุทธรณ์ คดีจึงระงับไป คงฎีกาเฉพาะนายสมพงษ์นายรากรี นายเฉลิม จำเลยทั้งสามคัดค้านในข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะนายสมพงษ์นายรากรีเท่านั้น ส่วนนายเฉลิมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ศาลฎีกาเห็นว่านายสมพงษ์กับนายรากรีจำเลยต้องคำพิพากษาของศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 5 ปีกระทงหนึ่ง 1 ปีกระทงหนึ่ง ซึ่งแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นแล้ว นายสมพงษ์และนายรากรีจะฎีกาคัดค้านในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ไม่รับวินิจฉัยให้ยกฎีกานายสมพงษ์นายรากรีจำเลย