แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องว่าจำเลยบังอาจทำการค้าขายซากกระบือ คือ หนังกระบือดิบ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน จำเลยให้การว่าได้นำหนังกระบือไปขายจริงตามฟ้องโดยไปพบมีผู้นำมาขายกลางทางจึงซื้อและนำไปขายเอากำไรอีกต่อหนึ่ง ดังนี้ ย่อมเข้าใจได้แล้วว่าจำเลยค้าหนังกระบือโดยไม่ได้รับอนุญาต
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยค้าขายซากกระบือ คือ หนังกระบือดิบ ๒ ผืน จะนำไปขายที่จังหวัดเชียงใหม่โดยไม่รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. ๒๔๙๙ มาตรา ๗, ๒๑, ๔๒ กฎกระทรวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๙๙ ข้อ ๑,๒
จำเลยให้การว่า ได้นำหนังกระบือไปขายจริงตามฟ้อง โดยจำเลยไปพบมีผู้นำมาขายกลางทาง จึงซื้อและนำไปขายเอากำไรอีกต่อหนึ่ง
โจทก์จำเลยไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นเห็นว่าฟ้องมิได้กล่าวว่าจำเลยทำการค้าในลักษณะคนกลางตามวิเคราะห์ศัพท์ มาตรา ๔ (๓) แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า มาตรา ๔(๓) วิเคราะห์ศัพท์คำว่า “การค้า” ไว้แล้วว่า หมายถึงการค้าในลักษณะคนกลาง ฟ้องที่ใช้ว่า จำเลยทำการค้า จึงใช้ได้แต่คำให้การของจำเลยไม่ได้รับว่าจำเลยค้าซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่ออ่านฟ้องประกอบคำให้การของจำเลยที่ว่า “ข้าได้นำหนังกระบือไปขายจริงตามฟ้อง” ย่อมเข้าใจได้แล้วว่าจำเลยไม่ได้รับอนุญาตตามฟ้องนั่นเอง
พิพากษากลับว่าจำเลยผิดตามฟ้อง ให้ปรับ ๑๐๐ บาท ตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ มาตรา ๔๒ (ลดกึ่งแล้ว)