คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2536

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยให้ ว.ลูกจ้างขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุไปรับปลาที่จังหวัดภูเก็ตมาส่งที่จังหวัดสมุทรสาคร แต่ปลาที่จังหวัดภูเก็ตไม่มีว. จึงรอรับปลาอยู่ที่จังหวัดภูเก็ตวันเกิดเหตุ ว. ขับรถยนต์บรรทุกพาคนงานของจำเลยไปเที่ยวที่หาดป่าตอง จำเลยมีตัวแทนอยู่ที่จังหวัดภูเก็ตเมื่อ ว. ขับรถยนต์บรรทุกไปถึงจังหวัดภูเก็ตไม่มีปลาจำเลยก็น่าจะมีระเบียบให้คนขับรถยนต์บรรทุกมอบรถยนต์บรรทุกไว้ในความรับผิดชอบของตัวแทน แต่จำเลยไม่ได้สั่งหรือดำเนินการดังกล่าว ถือได้ว่าจำเลยยินยอมมอบให้ ว. ควบคุมดูแลรถยนต์บรรทุกตลอดระยะเวลาที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ต ว. สามารถนำรถยนต์บรรทุกไปใช้ได้ตลอดเวลา การที่ว.ขับรถยนต์บรรทุกพาคนงานของจำเลยไปเที่ยว ถือได้ว่ากระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลย จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างจึงต้องรับผิดร่วมกับ ว. การที่ว.กระทำละเมิดเป็นเหตุให้บุตรโจทก์ถึงแก่ความตายโจทก์ผู้บิดาจึงขาดไร้ผู้อุปการะเลี้ยงดู ย่อมมีสิทธิจะได้รับ ค่าอุปการะเลี้ยงดูอันเป็นค่าสินไหมทดแทนส่วนหนึ่ง ตามกฎหมาย โดยไม่จำต้องพิจารณาว่าในขณะนั้นผู้ตาย จะได้อุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาหรือไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียนน-1144 ภูเก็ต และเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของนางสาวปิฐินันท์ อ๋อสกุล จำเลยเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน 80-0600 สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2528 นางสาวปิฐินันท์ขับรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียนน-114 ภูเก็ต จากอำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ตไปตามถนนบารมีมุ่งหน้าไปตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ตระหว่างรถวิ่งผ่านทางโค้ง มีนายวิชัยหรือดำหรือเดชลูกจ้างของจำเลยซึ่งอยู่ระหว่างรอรับปลาจากจังหวัดภูเก็ตนำกลับไปบริษัทจำเลยที่จังหวัดสมุทรสาครอันอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างขับรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน 80-0600 สมุทรสาคร แล่นสวนทางด้วยความเร็วสูงและล้ำเส้นกึ่งกลางถนนเข้ามาในช่องเดินรถของนางสาวปิฐินันท์อันเป็นการขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้รถยนต์บรรทุกของจำเลยเฉี่ยวชนรถยนต์ของโจทก์ที่นางสาวปิฐินันท์เป็นผู้ขับ ทำให้ประตูหลังด้านขวาของรถยนต์บรรทุกของรถจำเลยกระแทกด้านหน้าทางขวาตรงที่นั่งคนขับของรถยนต์โจทก์เป็นเหตุให้หน้ารถยนต์ยุบถูกนางสาวปิฐินันท์ได้รับบาดเจ็บถึงแก่ความตายในเวลาต่อมาและรถโจทก์เสียหลักตกลงไปในคูกระทบกับกำแพงกั้นดินได้รับความเสียหายเสียค่าซ่อมเป็นเงิน47,700 บาท โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพให้นางสาวปิฐินันท์ตามประเพณีท้องถิ่นพอสมควรแก่ฐานานุรูปเป็นเงิน 73,050 บาท ต้องขาดไร้อุปการะเลี้ยงดู เพราะขณะนางสาวปิฐินันท์ยังมีชีวิตอยู่ นางสาวปิฐินันท์ประกอบกิจการค้ามีรายได้ประมาณเดือนละ 300,000 บาท ได้ส่งเสียเลี้ยงดูโจทก์เดือนละ 3,000 บาท ขอคิดเป็นเวลา 10 ปีเป็นเงิน 360,000 บาท รวมเป็นเงินค่าสินไหมทดแทนทั้งสิ้น480,750 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าสินไหมทดแทนและดอกเบี้ยให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า อุบัติเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนกันเกิดโดยความประมาทของนางสาวปิฐินันท์แต่ผู้เดียว จำเลยไม่ต้องร่วมรับผิดกับนายวิชัยหรือดำหรือเดช เพราะจำเลยมิได้เป็นนายจ้างของนายวิชัย และขณะเกิดเหตุนายวิชัยได้ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน 80-0600 สมุทรสาคร โดยมิได้รับอนุญาตจากจำเลยไปธุระส่วนตัว จึงมิได้เป็นการขับรถยนต์ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้าง โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดไร้อุปการะจากจำเลย เพราะระหว่างนางสาวปิฐินันท์มีชีวิตอยู่มิได้ประกอบอาชีพการงานใดอันมีรายได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 184,650 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันทำละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จ โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 3พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่าโจทก์เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของนางสาวปิฐินันท์ อ๋อสกุลและเป็นเจ้าของรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน น-1144 ภูเก็ตจำเลยเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน 80-0600สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2528 นางสาวปิฐินันท์ ขับรถกระบะหมายเลขทะเบียน น-1144 ภูเก็ต จากอำเภอเมืองภูเก็ตไปตามถนนมุ่งหน้าไปหาดป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ตนายวิชัยหรือดำหรือเดชลูกจ้างจำเลยขับรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน 80-0600 สมุทรสาคร แล่นสวนทางมาแล้วเกิดเฉี่ยวชนกัน เป็นเหตุให้นางสาวปิฐินันท์ถึงแก่ความตายรถยนต์กระบะของโจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์เสียค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพเป็นเงิน 64,650 บาท
พิเคราะห์แล้ว ในปัญหาที่ว่า นายวิชัยขับรถยนต์โดยประมาทหรือไม่ โจทก์มีนางสาวสมศี อ๋อสกุล และนายบุญชัย ศิริวัฒน์เวชกุล เบิกความว่า นางสาวปิฐินันท์ขับรถด้วยความเร็วประมาณ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เมื่อถึงทางโค้งก็ชะลอความเร็วลง เมื่อรถยนต์แล่นไปเกือบถึงหาดป่าตองทางโค้งมาก นางสาวปิฐินันท์ชะลอความเร็วรถลงเหลือประมาณ30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะเดียวกับพยานเห็นรถยนต์บรรทุกแล่นสวนทางด้วยความเร็วสูงและแล่นล้ำเข้ามาในช่องเดินรถของนางสาวปิฐินันท์ นางสาวปิฐินันท์หักหลบแต่ไม่พ้นรถยนต์บรรทุกได้เฉี่ยวชนรถยนต์ที่นางสาวปิฐินันท์ขับ เห็นว่านางสาวสมศรีนั่งด้านหน้าคู่กับนางสาวปิฐินันท์ ย่อมเห็นเหตุการณ์ชัดเจนกว่าผู้อื่น ส่วนนายบุญชัยแม้จะนั่งอยู่ตอนหลังด้านข้างรถยนต์กระบะแต่หันหน้าออกสู่ถนน ย่อมจะเห็นเหตุการณ์เช่นกัน ประกอบกับร้อยตำรวจตรีสุเทพ กุหลาบทองเบิกความยืนยันว่าพยานได้ไปยังที่เกิดเหตุทำแผนที่สังเขป และถ่ายภาพที่เกิดเหตุไว้ ร้อยตำรวจตรีสุเทพไม่มีส่วนได้เสียกับฝ่ายใด เชื่อว่าเบิกความไปตามจริง เมื่อพิจารณาแผนที่สังเขปบริเวณที่เกิดเหตุเอกสารหมายจ.28 แล้ว จะเห็นได้ชัดว่าในช่องเดินรถของนางสาวปิฐินันท์มีกระจกแตกกับบานประตูรถยนต์บรรทุกตกอยู่ และมีรอยเบรกของรถยนต์บรรทุก นอกจากนี้มีบานประตูรถยนต์บรรทุกตกอยู่ใกล้ต้นมะพร้าวห่างจากบานประตูรถยนต์บรรทุกบานแรก23.30 เมตร และรถยนต์บรรทุกยังแล่นไปชนกำแพงบ้านซึ่งอยู่ทางด้านขวาของถนนซึ่งเป็นทิศทางที่รถยนต์บรรทุกแล่นมุ่งหน้าไปห่างประตูรถยนต์บรรทุกบานที่สอง 30 เมตร เมื่อคิดระยะซึ่งบานประตูรถยนต์บรรทุกตกอยู่บนถนนไปจนถึงจุดที่รถยนต์บรรทุกหยุดตามแผนที่สังเขปเป็นระยะทางถึง 50 เมตรเศษ แสดงให้เห็นว่ารถยนต์บรรทุกแล่นมาด้วยความเร็วสูง ประกอบกับบริเวณเกิดเหตุเป็นทางโค้ง จึงไม่อาจควบคุมรถให้อยู่ในช่องเดินรถของตนได้ ที่นายจินดา วรรณทอง และนายพนัส ปลื้มเนตรพยานจำเลยเบิกความว่ารถยนต์บรรทุกชนต้นมะพร้าวข้างทางก่อนแล้วรถยนต์กระบะแล่นมาชนท้ายรถยนต์บรรทุกนั้น จึงขัดกับแผนที่เกิดเหตุดังกล่าวมาไม่น่าเชื่อ คำเบิกความของนางสาวสมศรีและนายบุญชัยมีน้ำหนักน่าเชื่อมากกว่าฟังได้ว่า นายวิชัยขับรถยนต์บรรทุกโดยประมาทชนรถยนต์กระบะเป็นเหตุให้นางสาวปิฐินันท์ถึงแก่ความตาย และรถยนต์กระบะได้รับความเสียหาย อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์
ในปัญหาที่ว่า นายวิชัยกระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยให้นายวิชัยขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุไปรับปลาที่จังหวัดภูเก็ตมาส่งที่จังหวัดสมุทรสาครแต่ปลาที่จังหวัดภูเก็ตไม่มี นายวิชัยจึงรอรับปลาอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต วันเกิดเหตุนายวิชัยขับรถยนต์บรรทุกพาคนงานของจำเลยไปเที่ยวที่หาดป่าตอง เห็นว่าจำเลยมีตัวแทนอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อนายวิชัยขับรถยนต์บรรทุกไปถึงจังหวัดภูเก็ตไม่มีปลา จำเลยก็น่าจะมีระเบียบให้คนขับรถบรรทุกมอบรถยนต์บรรทุกไว้ในความรับผิดชอบของตัวแทน แต่จำเลยไม่ได้สั่งหรือดำเนินการดังกล่าว ถือได้ว่าจำเลยยินยอมมอบให้นายวิชัยควบคุมดูแลรถยนต์บรรทุกตลอดระยะเวลาที่นายวิชัยอยู่ในจังหวัดภูเก็ตนายวิชัยสามารถนำรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุไปใช้ได้ตลอดเวลาการที่นายวิชัยขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุพาคนงานของจำเลยไปเที่ยวกรณีถือได้ว่านายวิชัยกระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยจำเลยซึ่งเป็นนายจ้างจึงต้องรับผิดร่วมกับนายวิชัย
ในปัญหาที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่ควรได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1563 บัญญัติว่าบุตรจำต้องอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา บทบัญญัติดังกล่าวเป็นบทบังคับให้บุตรมีหน้าที่ต้องเลี้ยงดูบิดามารดาไม่ว่าบิดามารดาจะมีฐานะมั่งมีหรือยากจนและประกอบอาชีพหาเลี้ยงตนเองได้หรือไม่และตามมาตรา 443 วรรคสาม บัญญัติว่า ถ้าว่าเหตุที่ตายลงนั้นทำให้บุคคลใดต้องขาดไร้อุปการะตามกฎหมายไปด้วยไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น เห็นว่าการที่นายวิชัยกระทำละเมิดเป็นเหตุให้นางสาวปิฐินันท์บุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย โจทก์ผู้บิดาจึงขาดไร้ผู้อุปการะเลี้ยงดูย่อมมีสิทธิจะได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูอันเป็นค่าสินไหมทดแทนส่วนหนึ่งตามกฎหมาย โดยไม่จำต้องพิจารณาว่าในขณะนั้นผู้ตายจะได้อุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาหรือไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน

Share