คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2259/2527

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยมีหน้าที่ติดต่อกับการท่าเรือแห่งประเทศไทยเพื่อทราบชื่อเรือ กำหนดเรือเข้า จองท่าเทียบเรือ ติดต่อกรมศุลกากรเพื่อตรวจสินค้าและทราบราคาสินค้า ติดต่อกองตรวจคนเข้าเมืองเกี่ยวกับลูกเรือ แจ้งกรมเจ้าท่าเพื่อส่งเรือนำร่องและแจ้งให้เจ้าของสินค้านำใบตราส่งมามอบแก่จำเลย และรับใบปล่อยสินค้าที่จำเลยลงลายมือชื่อเพื่อไปรับสินค้าจากการท่าเรือฯ และรับจองระวางสินค้าที่จะออกจากท่าเรือแห่งประเทศไทยไปยังประเทศอื่น ซึ่งจำเลยจะลงลายมือชื่อในใบตราส่งแทนเจ้าของเรือ ดังนี้ เป็นวิธีการของการรับขนส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 615 และ มาตรา 622 มีลักษณะร่วมกันในการขนส่ง สินค้ากับ บริษัทเดินเรือต่างประเทศ และเป็นการขนส่ง หลายทอดโดยจำเลย เป็นผู้ขนส่งทอดสุดท้าย จึงต้อง ร่วมรับผิดในการสูญหาย หรือบุบสลายของสินค้าที่ขนส่งตาม มาตรา 618

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยเป็นเพียงตัวแทนในประเทศไทย ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทำสัญญาแทนตัวการผู้รับขน จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดโดยลำพังตนเอง พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าจำเลยเป็นผู้ขนส่งร่วม

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายไม่เกินสองหมื่นบาท โจทก์จึงฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจำต้องถือข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนซึ่งศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า องค์การสวิดิช อินเตอร์เนชั่นแนล ดิเวลอปเมท์ ขนส่งสินค้าเครื่องอะไหล่รถยนต์ 5 หีบ โดยเรือทะเลชื่อ “ตอยโวแอนติเคเนน” อันเป็นสายการเดินเรือของบริษัทโอเดสสา โอเซี่ยนไลน์ หรือบริษัทแบล็คซีชิบปิ้ง จำกัด ซึ่งอยู่ในความควบคุมของบริษัทโซวินฟล็อค (แห่งประเทศสหภาพโซเวียต) จากท่าเรือฮัมสตัค ในประเทศสวีเดน มายังท่าเรือกรุงเทพ โดยบริษัทสุซินโดชิปปิ้งแอนด์ เทรดดิ้ง จำกัด (ผู้รับตราส่ง) ในประเทศไทยเป็นผู้รับเพื่อจัดส่งไปยังประเทศลาวอีกต่อหนึ่งครั้นเมื่อเรือมาถึงท่าเรือกรุงเทพปรากฏว่าสินค้าดังกล่าวขาดหายไป 1 หีบ เป็นเงิน 17,243.51 บาท บริษัท สุซินโดชิปปิ้ง แอนด์ เทรดดิ้ง จำกัด เรียกร้องให้จำเลยชำระราคา จำเลยเสนอจะชดใช้ให้เพียง 100 ปอนด์บริษัทสุซินโดชิปปิ้ง แอนด์ เทรดดิ้ง จำกัด จึงให้โจทก์ผู้รับประกันภัยสินค้ารายนี้ชดใช้ โจทก์ได้ชดใช้ให้ตามที่ถูกเรียกร้อง และศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้กระทำการในพิธีการทางศุลกากรทางกรมเจ้าท่าและกองตรวจคนเข้าเมืองตลอดจนการระวางเรือ และออกใบปล่อยสินค้าเมื่อได้รับใบตราส่งจากผู้รับสินค้าในประเทศไทย นอกจากนี้ข้อเท็จจริงได้ความตามคำนายฉัตรไชย รุ่งธีระวัฒนานนท์ และนายพินิจลีนะวัตรพยานจำเลยอีกว่า ในการติดต่อกับทางราชการนั้น จำเลยมีหน้าที่ติดต่อกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อทราบชื่อเรือ กำหนดเรือที่จะเข้า และจองท่าเทียบเรือในการนำเรือเข้ามาในน่านน้ำไทย ติดต่อกรมศุลกากรเพื่อตรวจสินค้าที่จะเข้ามาและทราบราคาสินค้า ติดต่อกองตรวจคนเข้าเมือง เกี่ยวกับลูกเรือที่จะเข้ามาในประเทศไทยแจ้งกรมเจ้าท่าเพื่อให้ส่งเรือนำร่องไปนำเรือเข้าเทียบท่า และจำเลยยังมีหน้าที่แจ้งทางโทรศัพท์ จดหมาย และหนังสือพิมพ์แก่เจ้าของสินค้าทุกรายทราบเพื่อให้เจ้าของสินค้านำใบตราส่งมามอบให้แก่จำเลย และรับใบปล่อยสินค้าที่จำเลยไปเพื่อรับสินค้าจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพราะถ้าเจ้าของสินค้าไม่มีใบปล่อยสินค้าจะไปรับสินค้าไม่ได้ยิ่งกว่านั้นในการส่งสินค้าออก จำเลยยังมีหน้าที่รับจองระวางสินค้าที่จะออกจากท่าเรือแห่งประเทศไทยไปยังประเทศอื่น ซึ่งจำเลยจะลงลายมือชื่อในใบตราส่งแทนเจ้าของเรือ ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นวิธีการรับขนส่ง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 615 และมาตรา 622 การดำเนินงานของจำเลยในช่วงสุดท้ายนี้ย่อมเป็นสาระสำคัญในอันที่จะทำให้สินค้าไปถึงมือผู้รับตราส่ง จึงถือได้ว่ามีลักษณะร่วมกันในการขนส่งสินค้ากับบริษัทโอเดสสา โอเซี่ยนไลน์ จำกัด และเป็นการขนส่งหลายทอด โดยจำเลยเป็นผู้ขนส่งทอดสุดท้าย จำเลยจึงต้องร่วมรับผิดในการสูญหายหรือบุบสลายของสินค้าที่ขนส่งตามมาตรา 618

สำหรับประเด็นเรื่องค่าเสียหายซึ่งยังมิได้วินิจฉัยนั้น ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยไปโดยไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ปรากฏตามคำนายบุญดี ภู่พกสกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายเรียกร้องของโจทก์พยานโจทก์ว่าการท่าเรือแห่งประเทศไทยรับมอบสินค้าเพียง 4 หีบ ขาดหายไป 1 หีบ ปรากฏตามรายการสินค้าขาดและสินค้าจากบัญชีสินค้าเรือเอกสารหมาย จ.4 บริษัทสุซินโดชิปปิ้ง แอนด์ เทรดดิ้ง จำกัด ได้เรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยเป็นเงิน 3,565.19 เหรียญสวีเดน จำเลยตอบยินดีจะชดใช้ให้ 100 ปอนด์ บริษัทสุซินโดชิปปิ้ง แอนด์ เทรดดิ้ง จำกัด ไม่ยอมรับข้อเสนอดังกล่าวของจำเลย จึงได้มาเรียกร้องโจทก์ โจทก์พิจารณาแล้วเห็นว่าสินค้าดังกล่าวได้ส่งมาโดยเรือ “ตอยโวแอนติเคเนน” ขององค์การสวิดิช อินเตอร์เนชั่นแนล ดิเวลอปเมนท์ ที่โจทก์รับประกันภัยไว้จึงได้จ่ายค่าเสียหายให้บริษัทสุซินโดชิปปิ้ง แอนด์ เทรดดิ้ง จำกัด ไปเป็นเงิน 17,243.51 บาท เมื่อวันที่26 มีนาคม 2523 ปรากฏตามใบรับช่วงสิทธิในความเสียหายเอกสารหมายจ.8 ซึ่งจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ในเรื่องค่าเสียหายแต่ประการใด จึงรับฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบ ดังนั้นโจทก์จึงย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยจากจำเลยในเงินจำนวนดังกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 880 ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น

พิพากษากลับเป็นว่า ให้จำเลยใช้เงินจำนวน 17,243.51 บาท ให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 26 มีนาคม 2523 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลโดยกำหนดค่าทนายความ 2,000 บาทแก่โจทก์”

Share