คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 716/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อเท็จจริงที่คู่ความรับกันในเรื่องสภาพของสิ่งปลูกสร้างที่พอให้วินิจฉัยปัญหาเรื่องส่วนควบได้แล้ว
เมื่อหนังสือสัญญาระบุว่าขายฝากเรือนหลังหนึ่งก็ย่อมหมายความรวมถึงส่วนควบของเรือนหลังนี้ด้วย และเมื่อเรือนหลังเล็กเป็นส่วนควบของเรือนหลังใหญ่โดยสภาพของทรัพย์อยู่แล้ว จะขอสืบพยานบุคคลว่าได้ตกลงกันไว้ก่อนขายว่าไม่ได้ขายหลังเล็กด้วยไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาขายฝากที่ดินพร้อมด้วยเรือนเลขที่ ข๒/๐๗๓ ไว้กับโจทก์ พ้นกำหนดแล้วไม่ไถ่ถอน โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยและบริวารออกจากเรือนและที่ดินก็ไม่ยอมออกขอให้ขับไล่
จำเลยให้การต่อสู้ว่าในที่ดินรี้ มีเรือนของจำเลยปลูกอยู่ทิศเหนือของเรือนเลขที่กล่าวนั้นอีกหลังหนึ่ง จำเลยมิได้ขายฝากด้วย ขณะนี้จำเลยอาศัยอยู่ในเรือนของจำเลย โจทก์ไม่มีอำนาจขับไล่
โจทก์จำเลยแถลงรับกันว่า เรือนหลังใหญ่กว้างยาวด้านละ ๔ วา หันหน้าไปทางตะวันออกมีชานกว้าง ๒ วาอยู่ด้านเหนือ ต่อจากชานไปด้านเหนือมีเรือนยาวตามชานยาว ๓ วา กว้าง ๖ ศอก เรือนหลังเล็กนี้หันหน้าเข้าหาเรือนใหญ่ มี่บันไดขึ้นลงทางตะวันออกและตะวันตกของชาน มีส้วน ๑ ส้วมต่อจากเรือนหลังเล็กและมีพาไลต่อจากเรือนหลังเล็กไปที่ส้วม สิ่งปลูกสร้างรายนนี้มีเลขบ้านเลขเดียว คือ ข.๒ .๐๗๓ เรือนทั้ง ๒ หลังมุงหลังคากระเบื้องเหมือนกัน ทาสีเดียวกันและปลูกอยู่ก่อนทำสัญญาขายฝาก
โจทก์แถลงว่า เรือนหลังเล็กนั้น เป็นครัว และที่เก็บของ จำเลยขายฝากให้ด้วยแต่จำเลยว่าไม่ใช่ครัว เป็นเรือนหลังเล็กซึ่งใช้เก็บของและจำเลยอยู่อาศัย ส่วนครัวนั้นต่อเป็นพาไลจากเรือนหลังเล็กออกไป โจทก์แถลงว่าพาไลนั้นเป็นทางเดินเข้าส้วมแต่จำเลยแบ่งทำเป็นครัวตรงนั้น
จำเลยขอสืบพยานบุคคลว่าได้ตกลงก่อนขายฝากให้แยกเรือนหลังเล็กออกต่างหาก ไม่ได้ขายฝากด้วย
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน แล้วพิพากษาว่าเรือนหลังเล็กเป็นส่วนควบกับเรือนหลังใหญ่ จำเลยจะนำสืบแก้ไขเอกสารไม่ได้ พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวาร
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณา ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๗ แล้วเห็นว่า ตามสภาพของสิ่งปลูกสร้างคดีนี้เห็นได้ว่า ชานและบันไดเป็นสวนควบของเรือนทั้งสองหลัง ถ้า รื้อออกเรือนแต่ละหลังก็ไม่มีบันไดขึ้นลง ทำให้ขาดสารสำคัญในความเป็นอยู่ของทรัพย์ส้วมเป็นส่วนควบของเรือนหลังเล็ก และพึงเห็นได้ว่าใช้สำคัญผู้อยู่ในเรือนหลังใหญ่ด้วยถ้ารื้อส้วมก็ย่อมทำให้ขาดส่วนซึ่งเป็นสารสำคัญของเรือนใหญ่ ถ้าหากรื้อเรือนหลังเล็กจะทำให้เกิดความน่าเกลียดต่อสิ่งปลูกสร้างที่เหลืออยู่ เช่น ทำให้ส้วมและพาไลที่ทำครัวอยู่ในที่โล่งสูงเด่นข้างบ้าน หากรื้อพาไลที่ทำครัวออก็ขาดส่วนสารสำคัญของบ้านเรือนประกอบกับเรือนหลังเล็กก็หันหน้าเข้าเรือนหลังใหญ่และมีชานเชื่อมกับเรือนหลังใหญ่ด้วย จึงเห็นว่า เรือนหลังเล็กนี้เป็นส่วนควบของเรือนหลังใหญ่ โดยสภาพของทรัพย์อยู่แล้ว เมื่อหนังสือสัญญาระบุว่าขายฝากเรือนเลขที่ ข.๒.๐๗๓ ก็ย่อมหมายความรวมถึงส่วนควบของเรือนนี้ด้วย ฉะนั้น จำเลยจะขอสืบพยานบุคคลว่าได้ตกลงก่อนการขายฝากว่าให้แยกเรือนหลังเล็กออกต่างหาก ไม่ได้ขายด้วย จึงต้องห้าม เพราะเป็นการขอสืบแก้ไข เอกสาร
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น

Share