คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 736/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยขณะเป็นพระภิกษุ ได้ร่วมประเวณีกับหญิงในกุฏิของจำเลยบนเขาวังจังหวัดเพชรบุรีมีกุฏิพระใกล้เคียงหลายหลัง มีพระพุทธรูปพระฉายบนเขาวัง เป็นสถานที่ที่ประชาชนเคารพนับถือนั้นเห็นได้ว่าเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่งแต่จะถือว่าเป็นการเหยียดหยามศาสนาตามความในมาตรา 206ยังไม่ถนัด (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2505)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขณะเป็นพระภิกษุในพุทธศาสนา ได้ชำเราร่วมประเวณีกับนางม่วยบนกุฎีที่จำเลยอาศัย ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณสำนักวิปัสนากรรมฐานของพระภิกษุสามเณร และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่อันเป็นปูชนีย์วัตถุที่เคารพในศาสนาพุทธ อันเป็นการเหยียดหยามศาสนาอย่างร้ายแรง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 206

จำเลยปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยได้ร่วมประเวณีกับนางม่วยจริงดังฟ้องแต่การร่วมประเวณีของจำเลยกระทำเพื่อปลดเปลื้องความใคร่ ไม่มีเจตนาเหยียดหยามศาสนาพุทธ ไม่มีผิด พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ในกุฎีของจำเลยมีพระพุทธรูปอยู่หลายองค์ตั้งอยู่บนโต๊ะบูชาบริเวณรอบ ๆ กุฎีมีพระพุทธรูปกับพระพุทธฉายซึ่งติดกับตัวเขาวัง กุฎีนี้พระภิกษุสงฆ์ได้ใช้เป็นที่ปฏิบัติวิปัสนากรรมฐาน มีการทอดกฐิน นมัสการพระพุทธรูปเป็นประจำทุกปีเป็นสถานที่เคารพในทางพุทธศาสนา การกระทำของจำเลย แม้อาจเป็นการเพื่อปลดเปลื้องความใคร่ แต่เมื่อกระทำ ณ สถานที่เคารพดังกล่าวจึงเป็นการเหยียดหยาม เพราะจำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำได้พิพากษากลับ แต่ให้รอการลงโทษไว้

โจทก์ฎีกาว่า ไม่ควรรอการลงโทษ จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยขณะเป็นพระภิกษุ ได้ร่วมประเวณีกับนางม่วยที่พื้นกุฎีข้างเตียงนอน กุฎีของจำเลยอยู่บนเขาวัง จังหวัดเพชรบุรี มีกุฎีพระใกล้เคียงหลายหลังมีพระพุทธรูปพระฉายอยู่บนเขาวัง เป็นสถานที่ที่ประชาชนเคารพนับถือ จึงมีปัญหาว่าการกระทำของจำเลยจะเป็นผิดฐานเหยียดหยามศาสนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 206 หรือไม่ ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้พิจารณาความข้อนี้แล้วเห็นว่า การที่จำเลยซึ่งเป็นภิกษุในขณะนั้นได้กระทำการร่วมประเวณีกับหญิงในกุฎีอันอยู่ในบริเวณสถานที่อันพุทธศาสนิกชนเคารพ เช่นนี้เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง แต่จะถือว่าเป็นการเหยียดหยามศาสนาตามความในมาตรา 206 ยังไม่ถนัด

จึงพิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share