แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายทำสัญญาประกันชีวิตไว้กับจำเลยโดยทราบมาก่อนว่าตนเป็นโรคหอบหืดประจำตัวแต่ไม่ได้เปิดเผยข้อความจริงนี้ให้จำเลยทราบซึ่งหากจำเลยทราบก็อาจเรียกเบี้ยประกันสูงขึ้นก่อนทำสัญญาหรือไม่รับประกันชีวิตของผู้ตายสัญญาประกันชีวิตจึงเป็นโมฆียะจำเลยมีสิทธิบอกล้างได้โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้เอาประกันชีวิตถึงแก่ความตายเพราะเหตุใดดังนั้นเมื่อผู้เอาประกันชีวิตถึงแก่ความตายเพราะหกล้มศีรษะฟาดพื้นเป็นเหตุให้เลือดออกในสมองจำเลยจึงบอกล้างสัญญาประกันชีวิตอันต่อโจทก์ทั้งสามซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาได้และย่อมมีผลให้สัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆะ สัญญาประกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประกันอุบัติเหตุเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาประกันชีวิตเมื่อสัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆะเพราะจำเลยบอกล้างโมฆียะกรรมเสียแล้วสัญญาประกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุบัติเหตุย่อมตกเป็นโมฆะมาตั้งแต่ต้นด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 เป็นภรรยานายประเวทย์ ปิติวรวงศ์มีบุตรด้วยกันคือ โจทก์ที่ 2 และที่ 3 เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน2532 จำเลยทำสัญญารับประกันชีวิตของนายประเวทย์ เป็นเงิน100,000 บาท ถ้านายประเวทย์เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุมีจำนวนเงินเอาประกันภัยอีก 100,000 บาท โดยโจทก์ทั้งสามเป็นผู้รับประโยชน์ต่อมาวันที่ 17 พฤศจิกายน 2534 นายประเวทย์ประสบอุบัติเหตุหกล้มศีรษะฟาดพื้นโลหิตออกในสมองแล้วเสียชีวิต โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระเงิน 200,000 บาท แต่จำเลยเพิกเฉย อ้างว่าสัญญาตกเป็นโมฆียะ จำเลยต้องชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่นายประเวทย์เสียชีวิตจนถึงวันฟ้องเป็นเงินดอกเบี้ย15,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 215,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 200,000 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินแก่โจทก์ทั้งสาม เพราะหลังจากนายประเวทย์ ปิติวรวงศ์ ผู้ตายเสียชีวิตจำเลยตรวจสอบพบว่าผู้ตายเคยป่วยเป็นโรคหอบหืดและเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมาก่อนขอเอาประกันชีวิตไว้แก่จำเลยแต่ผู้ตายมิได้แจ้งข้อความจริงนี้ให้จำเลยทราบในขณะขอเอาประกันชีวิตแก่จำเลย กลับแจ้งว่าตนเองมีสุขภาพแข็งแรงดีในระหว่าง 2 ปีที่แล้วไม่เคยไปให้แพทย์ตรวจหรือเข้าสถานพยาบาลรักษาตัวตรวจโลหิต ความดันโลหิต ปัสสาวะ เอกซเรย์ ตรวจหัวใจหรือตรวจอย่างอื่นจำเลยหลงเชื่อตามที่ผู้ตายแจ้ง จึงตกลงรับประกันชีวิตผู้ตาย หากจำเลยทราบความจริงว่าผู้ตายเคยป่วยเป็นโรคหอบหืดหรือผู้ตายได้แจ้งความจริงนี้ให้จำเลยทราบในขณะขอเอาประกันชีวิต จำเลยก็จะไม่รับประกันชีวิตผู้ตาย การที่ผู้ตายปกปิดและแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสุขภาพของตนเป็นเท็จ ทำให้สัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะ จำเลยทราบมูลอันเป็นเหตุแห่งโมฆียะกรรมนี้เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2535 ซึ่งจำเลยได้บอกล้างโมฆียะกรรมดังกล่าวเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2535 และโจทก์ทั้งสามทราบการบอกล้างดังกล่าวภายในกำหนดเวลาแล้ว สัญญาประกันชีวิตจึงตกเป็นโมฆะเสียเปล่ามาแต่ต้น ถ้าศาลฟังว่าสัญญาประกันชีวิตไม่เป็นโมฆียะผู้ตายก็มิได้ประสบอุบัติเหตุ และผู้ตายมิได้เสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุ ผู้ตายเสียชีวิตเนื่องจากโลหิตออกในสมองอันเป็นการเสียชีวิตโดยธรรมชาติที่จำเลยรับผิดชอบเพียงใช้เงินทุนประกันชีวิตแก่โจทก์ทั้งสามเท่านั้น ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 215,000 บาทแก่โจทก์ทั้งสาม พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน200,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติในเบื้องต้นว่าเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2532 นายประเวทย์ ปิติวรวงศ์ผู้ตายได้ยื่นคำขอประกันชีวิตต่อจำเลย จำเลยได้รับประกันภัยและออกกรมธรรม์ประกันภัยแบบสะสมปันผลมีระยะเวลา 20 ปี เริ่มสัญญาตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2532 ครบกำหนดสัญญาวันที่ 23พฤศจิกายน 2552 จำนวนเงินเอาประกันชีวิต 100,000 บาทและจำนวนเงินเอาประกันอุบัติเหตุ 100,000 บาท โดยระบุให้โจทก์ทั้งสามเป็นผู้รับประโยชน์ กำหนดชำระเบี้ยประกันภัยตามสัญญาประกันชีวิตราย 12 เดือน เป็นเงิน 5,290 บาท และตามสัญญาพิเศษเพิ่มเติมประกันอุบัติเหตุเป็นเงิน 600 บาท ต่อมาวันที่ 17พฤศจิกายน 2534 ผู้เอาประกันภัยชีวิตถึงแก่ความตายด้วยสาเหตุเลือดออกในสมองที่โรงพยาบาลหมอเล็ก จังหวัดชุมพร โจทก์ทั้งสามได้ขอรับค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันชีวิตและสัญญาพิเศษเพิ่มเติมประกันอุบัติเหตุดังกล่าว แต่จำเลยปฏิเสธไม่ยอมชำระโดยบอกล้างสัญญาต่อโจทก์ทั้งสาม อ้างว่าสัญญาประกันชีวิตและสัญญาพิเศษเพิ่มเติมประกันอุบัติเหตุเป็นโมฆียะ
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกมีว่า สัญญาประกันชีวิตตามกรมธรรม์ประกันภัยระหว่างนายประเวทย์ ปิติวรวงศ์ผู้ตายกับจำเลยเป็นโมฆียะกรรมหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ตายทำสัญญาประกันชีวิตไว้กับจำเลยโดยทราบมาก่อนว่าตนเป็นโรคหอบหืดประจำตัวแต่ไม่ได้เปิดเผยข้อความจริงนี้ให้จำเลยทราบซึ่งหากจำเลยทราบก็อาจเรียกเบี้ยประกันสูงขึ้นก่อนทำสัญญาหรือไม่รับประกันชีวิตของผู้ตาย สัญญาประกันชีวิตตามกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย ล.1 จึงเป็นโมฆียะ จำเลยมีสิทธิบอกล้างได้โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้เอาประกันชีวิตถึงแก่ความตายเพราะเหตุใดดังนั้นเมื่อผู้เอาประกันชีวิตถึงแก่ความตายเพราะหกล้มศีรษะฟาดพื้นเป็นเหตุให้เลือดออกในสมอง จำเลยจึงบอกล้างสัญญาประกันชีวิตอันเป็นโมฆียะต่อโจทก์ทั้งสามซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาได้ยังผลให้สัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆะ ส่วนปัญหาที่ว่าผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะอุบัติเหตุหรือไม่ ไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะสัญญาประกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประกันอุบัติเหตุเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาประกันชีวิตตามกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย ล.2 เมื่อสัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆะเพราะจำเลยบอกล้างโมฆียะกรรมเสียแล้ว สัญญาประกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุบัติเหตุย่อมตกเป็นโมฆะมาตั้งแต่ต้นด้วย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์