แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องอ้างเหตุว่าจำเลยผิดสัญญาและกระทำละเมิดต่อโจทก์แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าข้ออ้างที่โจทก์อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเพื่อให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ล้วนมาจากเหตุที่จำเลยผิดสัญญาการร่วมจัดหางานที่ทำไว้กับโจทก์ทั้งสิ้นดังนั้นเมื่อสัญญาการร่วมจัดหางานดังกล่าวเป็นโมฆะเพราะขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนโจทก์จึงไม่อาจอ้างสิทธิใดๆตามสัญญาดังกล่าวเพื่อบังคับให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้รับอนุญาตจัดหางานให้คนงานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ โจทก์และจำเลยได้ทำสัญญาร่วมกันดำเนินการจัดหาคนงานไปทำงานในต่างประเทศโดยให้จัดส่งในนามโจทก์และจำเลยตกลงจะจ่ายผลประโยชน์แก่โจทก์ จำเลยได้จัดส่งคนงานไปทำงานในต่างประเทศ 8 คน แต่ไม่ได้จ่ายเงินผลประโยชน์ให้แก่โจทก์เป็นเงินจำนวน 32,000 บาท และจำเลยได้เรียกรับเงินจากคนหางานจำนวน 19 คน เป็นเงิน 523,000 บาท แต่ไม่ได้จัดส่งคนหางานดังกล่าวไปทำงานในต่างประเทศและไม่คืนเงินดังกล่าวให้คนหางานอันเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ เป็นเหตุให้กรมแรงงานหักหลักประกันจากโจทก์จำนวน 500,000 บาท เพื่อจ่ายคืนให้คนหางานและจำเลยได้ใช้โทรศัพท์และโทรพิมพ์ของโจทก์เป็นเงินจำนวน50,129 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 582,129 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า สัญญาการร่วมจัดหางานตกเป็นโมฆะ เพราะขัดต่อกฎหมาย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยไม่ได้ค้างชำระค่าผลประโยชน์ และไม่มีหน้าที่ต้องใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ไม่เคยค้างค่าโทรศัพท์และค่าโทรพิมพ์ ฟ้องโจทก์ขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 508,545 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 27 กันยายน 2534เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 ผู้ที่จะจัดหางานให้คนหางานตลอดจนลูกจ้างและตัวแทนของผู้จัดหางานต้องมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดและต้องจดทะเบียนต่อกรมแรงงาน หากฝ่าฝืนเป็นความผิดและมีโทษทางอาญา อันเป็นกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนสัญญาการร่วมจัดหางานเอกสารหมาย จ.4 ที่โจทก์จำเลยทำขึ้นเป็นสัญญาที่โจทก์ตั้งจำเลยให้เป็นตัวแทนของโจทก์จัดส่งคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ โดยโจทก์เรียกเอาผลประโยชน์จากการที่โจทก์เป็นผู้ได้รับใบอนุญาต เมื่อโจทก์ไม่ได้จดทะเบียนการที่จำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์ต่อกรมแรงงานย่อมไม่อาจทราบได้ว่าจำเลยมีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมายที่จะกระทำการจัดส่งคนหางานไปทำงานในต่างประเทศได้หรือไม่ เท่ากับโจทก์ใช้ใบอนุญาตของตนที่มีอยู่ไปหาประโยชน์ในทางที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน สัญญาการร่วมจัดหางานเอกสารหมาย จ.4 ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150(เดิม) โจทก์ฟ้องเรียกค่าผลประโยชน์จากการที่จำเลยส่งคนหางานไปทำงานในต่างประเทศค่าโทรศัพท์ ค่าโทรพิมพ์ ตามที่ปรากฏอยู่ในสัญญาเอกสารหมาย จ.4ข้อ 5 ซึ่งเป็นโมฆะจึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกได้ แต่เหตุที่โจทก์ถูกยึดเงินประกันเนื่องมาจากจำเลยเรียกรับเงินจากคนหางานมาเป็นประโยชน์ของจำเลยแล้วไม่จัดส่งคนหางานไปทำงานในต่างประเทศจำเลยจึงเป็นผู้ทำละเมิดต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 500,000 บาท แก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาข้อแรกว่า สัญญาการร่วมจัดหางานเอกสารหมาย จ.4 ตกเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินใด ๆจากจำเลยโดยอาศัยสัญญาดังกล่าว เห็นว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเป็นที่ยุติโดยไม่มีฝ่ายใดฎีกาโต้แย้งว่า สัญญาการร่วมจัดหางานระหว่างโจทก์จำเลยตกเป็นโมฆะ เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงตามหนังสือของกรมแรงงานที่มีถึงโจทก์เรื่องการหักหลักประกันเอกสารหมาย จ.31ประกอบคำเบิกความของนายวิทยา ลีลาภัทร์กรรมการผู้จัดการโจทก์ว่าเหตุที่โจทก์ต้องถูกนายทะเบียนจัดหางานกลาง กรมแรงงาน หักหลักประกันจำนวน 500,000 บาท เพื่อจ่ายคืนให้คนหางานก็เพราะจำเลยอ้างสัญญาการร่วมจัดหางานเอกสารหมาย จ.4 ทำการติดต่อกับคนหางาน หากไม่มีสัญญาดังกล่าวโจทก์ย่อมไม่ต้องร่วมรับผิดในการกระทำของจำเลยต่อนายทะเบียนจัดหางานกลาง กรมแรงงาน ฉะนั้นข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์ก็คือจำเลยผิดสัญญาการร่วมจัดหางานเอกสารหมาย จ.4 นั่นเอง หาใช่เป็นเรื่องละเมิดต่อโจทก์ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแต่อย่างใดไม่ เมื่อสัญญาดังกล่าวตกเป็นโมฆะ โจทก์จึงไม่อาจอ้างสิทธิใด ๆ ตามสัญญาดังกล่าวเพื่อให้จำเลยรับผิดได้ ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น เมื่อวินิจฉัยดังกล่าวแล้วก็ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของจำเลยต่อไป
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสิ้น