คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9087/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะโจทก์ทำสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทจากจำเลยนั้น โจทก์ไม่ทราบว่ามีข้อกำหนดห้ามโอน นิติกรรมดังกล่าว จึงเป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายย่อมตกเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องชำระหนี้ที่ค้างชำระและจำเลยต้อง คืนเงินที่โจทก์ชำระไว้โดยถือไม่ได้ว่าโจทก์กระทำตามอำเภอใจเหมือนหนึ่งว่าเพื่อชำระหนี้โดยรู้ว่าตนไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำระแต่อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนเงินจำนวน ๔๕๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่ วันทำสัญญาจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๔๕๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๓๔ เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟ้งว่า จำเลยเป็นผู้มิสิทธิครอบครองที่พิพาทตามหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมสหกรณ์ชะแวะ เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๓๓ โจทก์ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่พิพาท ราคา ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท โจทก์ได้วางมัดจำไว้ในวันทำสัญญาและได้ชำระเงินให้จำเลยอีกรวมเป็นเงิน ๔๕๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือจะชำระในวันโอน ครั้นถึงกำหนดวันโอนทะเบียนจำเลยไม่อาจโอนที่พิพาทที่จะซื้อจะขายให้โจทก์ได้ เพราะเป็นที่ดินอยู่ในเขตนิคมสหกรณ์ชะแวะ ซึ่งห้ามจำนอง จำหน่าย จ่ายโอน เว้นแต่ตกทอดโดยทางมรดก โจทก์ได้บอกกล่าวเลิกสัญญา เมื่อฟังได้ว่าพยานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือว่าพยานจำเลย ฟังว่าโจทก์ทำสัญญาจะซื้อจะขาย ที่พิพาทโดยไม่รู้ว่าที่พิพาทอยู่ในเขตนิคมสหกรณ์ชะแวะไม่สามารถโอนได้ เมื่อที่พิพาทอยู่ในเขตนิคมสหกรณ์ชะแวะและทางราชการได้ออกหนังสืออนุญาตให้จำเลยเข้าทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมสหกรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๑๑ และประกาศของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ซึ่งตามพระราชบัญญัติดังกล่าวห้ามโอนที่ดินให้แก่บุคคลอื่น เว้นแต่ตกทอดทางมรดกเท่านั้น การที่โจทก์จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทดังกล่าว เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย นิติกรรมเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๐ แม้คู่สัญญามีเจตนาโอนสิทธิครอบครองก็ตามสัญญาดังกล่าวก็ตกเป็นโมฆะตามกฎหมายดังกล่าวเช่นกัน เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายเป็นโมฆะมาแต่เริ่มแรกแล้ว โจทก์ไม่มีหน้าที่ที่จะชำระหนี้ที่ค้างชำระให้จำเลยอีก ที่จำเลยอ้างเหตุว่าโจทก์ได้กระทำการตามอำเภอใจเหมือนหนึ่งว่าเพื่อชำระหนี้โดยรู้อยู่ว่าตนไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำระเงิน เห็นว่า การที่โจทก์เข้าทำสัญญาจะซื้อจะขายที่พิพาทกับจำเลยก็เพื่อต้องการที่พิพาทโดยไม่รู้มาก่อนว่าที่พิพาทอยู่ในเขต นิคมสหกรณ์ชะแวะ ซึ่งอยู่ในบังคับแห่งกฎหมายที่กำหนดข้อห้ามโอนไว้ กรณีดังกล่าวไม่ใช่โจทก์กระทำการ ตามอำเภอใจเหมือนหนึ่งว่าเพื่อชำระหนี้โดยรู้อยู่ว่าตนไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำระตามมาตรา ๔๐๗ .

Share