แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยว่าจ้างโจทก์ต่อตัวถังรถยนต์ราคา 50,000 บาท จำเลยมอบเงินให้โจทก์ไปแล้ว 15,000 บาทที่เหลือ 35,000 บาท จำเลยชำระเป็นเช็ค แต่เช็คขึ้นเงินไม่ได้ โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินค่าต่อตัวถังรถยนต์ที่ค้างชำระ ดังนี้ เป็นการฟ้องตามมูลสัญญาจ้างทำของกรณีต้องบังคับในเรื่องอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165
โจทก์ฟ้องเรียกหนี้ตามมูลสัญญาจ้างทำของโจทก์จึงมีอำนาจขออนุญาตฟ้องที่ศาลซึ่งมูลคดีเกิดขึ้นในเขตได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2)
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ยื่นคำร้องขออนุญาต่อศาลชั้นต้นที่มูลคดีเกิดขึ้น อ้างว่าการพิจารณาคดีจะเป็นการสะดวก ศาลอนุญาต โจทก์ฟ้องว่า เมื่อเดือนสิงหาคม 2518 จำเลยนำรถบรรทุก 10 ล้อไปว่าจ้างโจทก์ต่อตัวถังรถ ตกลงค่าจ้าง 50,000 บาท โจทก์ต่อเสร็จเมื่อประมาณกลางเดือนกันยายนปีนั้นจำเลยได้ชำระเงินให้โจทก์ 15,000 บาท ที่เหลือ 35,000 บาท จำเลยชำระเป็นเช็คธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาสุพรรณบุรี เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำไปเข้าบัญชีแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้บังคับจำเลยใช้เงิน35,000 บาทแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี
จำเลยให้การว่า ได้จ้างโจทก์ต่อตัวถังรถและได้ออกเช็คให้โจทก์2 ฉบับตามฟ้อง ต่อมาจำเลยได้ชำระเงินให้โจทก์ 20,000 บาท แต่โจทก์ไม่คืนเช็คให้จำเลย โจทก์ฟ้องเกิน 1 ปีนับแต่วันที่เช็คถึงกำหนด คดีของโจทก์ขาดอายุความ จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทของธนาคารกรุงไทย จำกัดสาขาสุพรรณบุรี ทั้งจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลจังหวัดสุพรรณบุรีโจทก์ไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอฟ้องที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ขอให้พิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยเป็นฝ่ายนำสืบก่อน
ถึงวันนัดปรากฏว่า จำเลยไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานและไม่มีพยานมาศาล ศาลถือว่าไม่มีพยานมาสืบให้งดสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่จำเลยให้การรับว่า จำเลยได้ว่าจ้างโจทก์ต่อตัวถังรถยนต์ที่จังหวัดกาญจนบุรีในราคา 50,000 บาท จำเลยมอบเงินให้โจทก์แล้ว 15,000 บาท คงค้างอีก 35,000 บาท จำเลยจ่ายเช็คธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาสุพรรณบุรีให้โจทก์ 2 ฉบับตามที่โจทก์ฟ้อง ส่วนที่จำเลยโต้เถียงว่าต่อมาได้ชำระเงินให้โจทก์อีก 20,000 บาท โจทก์ทำหลักฐานการรับเงินให้จำเลยไว้ แต่โจทก์ไม่คืนเช็คให้จำเลยนั้น จำเลยไม่มีพยานนำสืบ คดีมีปัญหาวินิจฉัยว่า ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดกาญจนบุรี) นั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่และคดีของโจทก์ขาดอายุความหรือไม่
ศาลฎีกาเห็นควรวินิจฉัยปัญหาว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ก่อน ศาลฎีกาเห็นว่ากรณีของโจทก์เป็นการฟ้องเรียกค่าจ้างทำของ ตามคำฟ้องดังกล่าวแสดงว่า ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกร้องโดยอาศัยสิทธิอันมีมูลหนี้มาจากสัญญาจ้างทำของซึ่งจำเลยยังเป็นหนี้โจทก์อยู่ การที่โจทก์บรรยายฟ้องมีเรื่องเช็คมาด้วยก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงพฤติการณ์ที่โจทก์ยังไม่ได้รับชำระราคาค่าจ้างจากจำเลยเท่านั้น มิใช่ฟ้องเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค กรณีต้องบังคับในเรื่องอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 ซึ่งมีกำหนดอายุความ 2 ปี คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ ซึ่งศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้ละเอียดแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
ส่วนข้อที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ฟ้องตามเช็คซึ่งถูกปฏิเสธโดยธนาคารกรุงไทย สาขาสุพรรณบุรี ต้องถือว่ามูลคดีเกิดในเขตอำนาจของศาลสุพรรณบุรี โจทก์ต้องฟ้องจำเลยที่ศาลจังหวัดสุพรรณบุรีนั้น ได้วินิจฉัยมาแล้วในตอนก่อนว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องตามสัญญาจ้างทำของซึ่งมูลคดีเกิดในเขตอำนาจศาลจังหวัดกาญจนบุรี โจทก์จึงมีอำนาจขออนุญาตฟ้องคดีที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรีที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2)
พิพากษายืน