คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

น้องชายจำเลยฉุดคร่าพาบุตรสาวที่อยู่ในความปกครองของโจทก์ไป อันเป็นการละเมิดเมื่อจำเลยมาขอขมาผูกพันทำสัญญาให้เงินแก่โจทก์เป็นการตอบแทนที่โจทก์ยอมให้บุตรได้อยู่กินกับน้องจำเลยนั้น สัญญาเช่นนี้ เป็นสัญญาตกลงกันระงับข้อพิพาทอันปรับได้ว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งบังคับกันได้ตามกฎหมาย หาใช่เป็นการให้ตามหน้าที่ในทางศีลธรรมไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายเมินได้ลักพานางสาวบุญช่วยบุตรของโจทก์ไปในทางชู้สาว จำเลยซึ่งเป็นพี่ชายนายเมินได้จัดเฒ่าแก่มาขอขมา โจทก์เรียกค่าสินสอด ๑๐,๐๐๐ บาท จำเลยยอมตกลง โจทก์จึงให้นางสาวบุญช่วยอยู่กินกับนายเมินจนเกิดบุตร แต่จำเลยก็หาชำระเงินให้โจทก์ไม่ ขอให้บังคับ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๑๐,๐๐๐ บาทแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่นายเมินน้องชายจำเลยฉุดคร่านางสาวบุญช่วยบุตรที่อยู่ในความปกครองของโจทก์ไปนั้น เป็นการละเมิดสิทธิต่อโจทก์ ชอบที่โจทก์จะเรียกร้องค่าทดแทนความเสียหายได้ตามกฎหมาย จำเลยซึ่งเป็นพี่ชายของนายเมินมาขอขมานั้น นอกจากจะเป็นไปตามประเพณีแล้ว จำเลยยังยอมตกลงผูกพันตนต่อโจทก์โดยทำสัญญารับให้เงินแก่โจทก์ ๑๐,๐๐๐ บาทอีกด้วย เงินจำนวนนี้ต้องถือว่าเป็นเงินที่จำเลยยอมให้แก่โจทก์เป็นการตอบแทนที่โจทก์ยอมให้นางสาวบุญช่วยได้อยู่กินกับนายเมินอย่างสามีภรรยา และไม่ติดใจว่ากล่าวแก่นายเมินที่ทำละเมิดต่อไป สัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยเช่นนี้จึงเป็นสัญญาที่ฝ่ายโจทก์กับฝ่ายจำเลยตกลงกันระงับข้อพิพาทเรื่องนายเมินน้องชายจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ อันปรับได้ว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามมาตรา ๘๕๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งชอบที่จะนำมาฟ้องร้องบังคับกันได้ตามกฎหมาย ฉะนั้น ที่จำเลยต่อสู้ว่าเป็นการตกลงให้ทรัพย์สินแก่กันตามหน้าที่ในทางศีลธรรม จึงหาใช่ไม่ ศาลทั้งสองพิพากษาต้องกันให้จำเลยแพ้คดีแก่โจทก์ชอบแล้ว
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาของจำเลย

Share