คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7014/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลฎีกายกคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่ 5 ฉบับลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2541 ของจำเลยที่ 1 จึงมี ผลเท่ากับว่าหลังจากครบกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2541 แล้ว จำเลยที่ 1 ไม่ได้รับอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปอีก อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ที่ยื่นต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2541 และ ศาลชั้นต้นสั่งรับมานั้น จึงเป็นอุทธรณ์ที่ยื่นเกินกำหนดอายุอุทธรณ์ เป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 229 ที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 63,991,485.20 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย อัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 62,612,521.20 นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 63,991,485.20 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย อัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 62,612,521.20 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 50,000 บาท ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียม (ชั้นอุทธรณ์) แทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 30,000 บาท
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏข้อเท็จจริงตามท้องสำนวนว่า หลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาคดีนี้แล้ว ก่อนสิ้นระยะเวลายื่นอุทธรณ์ จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์รวม 5 ครั้ง โดยในวันครบกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นขยายให้ในครั้งที่ 4 คือ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2541 นั้น จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์เป็นครั้งที่ 5 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์เป็นครั้งที่ 5 ออกไปอีก 7 วัน ตามที่ขอ โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษากลับให้ยกคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่ 5 ฉบับลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2541 ของจำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7013/2543 ในคดีนี้ จึงมีผลเท่ากับว่าหลังจากครบกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2541 แล้ว จำเลยที่ 1 ไม่ได้รับอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปอีก อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ที่ยื่นต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2541 และศาลชั้นต้นสั่งรับมานั้น จึงเป็นอุทธรณ์ที่ยื่นเกินกำหนดอายุอุทธรณ์ เป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 229 ที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ 3555/2542 จึงไม่ชอบ ด้วยกระบวนพิจารณา ชอบที่ศาลฎีกาจะยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเสีย จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิยื่นฎีกาคัดค้าน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวได้อีก ฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับมา จึงไม่เป็นฎีกาที่ศาลฎีกา จะรับไว้พิจารณา ปัญหาดังกล่าวมานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ 3555/2542 และยกฎีกาของจำเลยที่ 1 คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมดในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้จำเลยที่ 1 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกานอกจาก ที่สั่งคืนให้เป็นพับ.

Share