คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 200/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ต่ออายุสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างให้แก่โจทก์ ระยะเวลาที่ต่ออายุสัญญาครบกำหนดก่อนวันที่โจทก์ส่งมอบงานงวดสุดท้าย การต่ออายุสัญญาดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการนับอายุความ เพราะสิทธิเรียกร้องสินจ้างในการก่อสร้างนั้นต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่มีการส่งมอบงาน หาใช่นับตั้งแต่วันที่ทำงานเสร็จไม่
เงินค่าปรับที่โจทก์ได้รับคืนไปจากจำเลยที่ 1 นั้น เกิดจากจำเลยที่ 1 หักค่าจ้างไว้เป็นค่าปรับเนื่องจากโจทก์ผิดสัญญาส่งมอบงานล่าช้า ต่อมาโจทก์ขอต่ออายุสัญญาอีกแต่ไม่ได้รับการต่อให้ คงได้รับเงินส่วนลดค่าปรับตามมติคณะรัฐมนตรี การคืนค่าปรับให้ซึ่งจำเลยที่ 1 ไม่มีหน้าที่และไม่ใช่การชำระค่าจ้างตามสัญญา ถือไม่ได้ว่าเป็นการรับสภาพหนี้ของจำเลยที่ 1 อันจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลง โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าจ้างเป็นเวลาเกิน 2 ปีนับแต่วันที่มีการส่งและรับมอบงานกัน คดีจึงขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 165 (1)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินตามสัญญาว่าจ้างก่อสร้างสนามบินส่วนที่จำเลยทั้งสองอ้างว่าโจทก์ก่อสร้างงานล่าช้าและหักเงินค่าจ้างไม่จ่ายให้โจทก์และเงินค่าจ้างขุดคูน้ำในบริเวณสนามบินที่จำเลยสั่งให้ทำนอกเหนือจากสัญญาว่าจ้างพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ ๒ ไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑จำเลยที่ ๑ มีสิทธิหักเงินค่าจ้างตามฟ้อง เนื่องจากโจทก์ก่อสร้างล่าช้า การขุดคูน้ำเป็นงานตามสัญญาซึ่งโจทก์มีหน้าที่ทำตามสัญญาไม่อาจมาเรียกร้องค่าจ้างต่างหากได้ ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า โจทก์ได้ยอมรับแล้วว่างานได้เสร็จเรียบร้อยและได้มีการส่งมอบงานกันในวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๒๔ ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยได้ต่ออายุสัญญาครั้งแรก ๑๒๗ วัน เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๒๓ ลดค่าปรับและคืนค่าปรับบางส่วนให้โจทก์และต่ออายุสัญญาให้โจทก์อีก ๑๖ วัน มีผลเท่ากับจำเลยยอมรับสภาพสิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่มีต่อจำเลย อายุความตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ย่อมสะดุดหยุดลง และเริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่วันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๒๔ นั้น การต่ออายุสัญญานับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๓ถึงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๒ ก็ดี และการต่ออายุสัญญาอีก ๑๒๗ วัน นับแต่วันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๒๓เป็นต้นไปก็ดี ระยะเวลาที่ต่ออายุสัญญาดังกล่าวต่างครบกำหนดก่อนวันที่โจทก์ส่งมอบงานงวดสุดท้าย (วันที่ ๑๐ มิอถุนายน ๒๕๒๔) แล้ว ดังนั้น แม้ว่าการต่ออายุสัญญาดังกล่าวจะทำให้อายุของสัญญายืดออกไป แต่ก็หาได้มีผลกระทบต่อการนับอายุความแต่อย่างใดไม่ เพราะสิทธิเรียกร้องสินจ้างในการก่อสร้างนั้นต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่มีการส่งมอบงานกัน หาใช่นับตั้งแต่วันที่ทำงานเสร็จไม่ ส่วนเงินค่าปรับที่โจทก์ได้รับคืนไปจากจำเลยที่ ๑ นั้น เกิดจากจำเลยที่ ๑หักค่าจ้างไว้เป็นค่าปรับเนื่องมาจากสัญญาจ้างก่อสร้างกำหนดเบี้ยปรับไว้ เมื่อโจทก์ผิดสัญญาส่งมอบงานล่าช้าจึงถูกจำเลยที่ ๑ ปรับ ต่อมาภายหลังโจทก์ขอต่ออายุสัญญาอีก แต่ไม่ได้รับการต่อให้ คงได้รับเงินส่วนลดค่าปรับตามมติคณะรัฐมนตรีเท่านั้น การคืนค่าปรับให้โจทก์ซึ่งจำเลยไม่มีหน้าที่และไม่ใช่การชำระค่าจ้างโจทก์ตามสัญญา จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการรับสภาพหนี้ของจำเลยที่ ๑ อันจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลง โจทก์มาฟ้องเรียกเงินค่าจ้างตามสัญญาจ้างและเงินค่าจ้างขุดคูน้ำโดยอ้างว่าคณะกรรมการควบคุมงานของจำเลยที่ ๑ ได้สั่งให้โจทก์ขุดเพิ่มขึ้นจากงานตามสัญญาจ้างในวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๒๖ เป็นเวลาเกิน ๒ ปี นับแต่วันที่๑๐ มิถุนายน ๒๕๒๔ ซึ่งเป็นวันที่มีการส่งและรับมอบงานกัน คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๕ (๑)
พิพากษายืน.

Share