แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ห้องแถวเป็นส่วนควบของที่ดิน จำเลยปฏิเสธว่าห้องแถวไม่ใช่ของโจทก์ แต่รับว่าปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์ จำเลยมิได้อ้างว่าเหตุใดจึงไม่เป็นส่วนควบ ไม่มีประเด็นที่จำเลยจะนำสืบ ศาลขับไล่จำเลยจากห้องแถวได้
ศาลสั่งก่อนอ่านคำพิพากษาให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มตามราคาทรัพย์ที่พิพาท มิฉะนั้นจะไม่ออกคำบังคับ โจทก์ชำระครบถ้วนตามคำสั่งเป็นการถูกต้องแล้ว
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาขับไล่จำเลยออกจากห้องแถวบนที่ดินของโจทก์ ให้ส่งมอบโฉนดที่ดินที่มอบให้จำเลยเก็บรักษาคืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องแถวพิพาทอ้างว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ จำเลยให้การปฏิเสธว่าห้องแถวพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย เท่ากับปฏิเสธฟ้องของโจทก์ ต้องมีการสืบพยานกันต่อไป ศาลอุทธรณ์นำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 107 เรื่องส่วนควบมาใช้บังคับไม่ชอบ เพราะมิใช่กรณีฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่ดินนั้น พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ฟ้องของโจทก์บรรยายว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินและห้องแถวทั้ง 4 ห้อง ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดิน ให้จำเลยอาศัยอยู่ 1 ห้อง ส่วนอีก 3 ห้องให้เป็นผู้ดูแลจัดหาผู้เช่าและเก็บค่าเช่า จำเลยโต้แย้งกรรมสิทธิ์และรบกวนการครอบครอง ขอให้ขับไล่ออกจากห้องแถวพิพาทจำเลยให้การปฏิเสธว่าห้องแถวพิพาทไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของโจทก์ ต่อมาในวันชี้สองสถาน จำเลยแถลงรับว่าขณะฟ้อง ที่ดินซึ่งปลูกห้องแถวพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ดังนี้ตามหลักกฎหมายโรงเรือนซึ่งปลูกสร้างลงในที่ดินย่อมเป็นส่วนควบของที่ดินใครเป็นเจ้าของที่ดินย่อมมีกรรมสิทธิ์ในโรงเรือนเว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 109การที่จำเลยปฏิเสธว่าห้องแถวพิพาทไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของโจทก์เป็นของจำเลยที่ 1โดยมิได้อ้างเหตุแห่งการปฏิเสธ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสอง เป็นการปฏิเสธลอย ๆ ถือว่าไม่มีประเด็นสืบในข้อนี้ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย จำเลยกล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ เป็นคดีมีทุนทรัพย์ โจทก์อ้างว่ามีทุนทรัพย์ 120,000 บาท จำเลยค้านว่า มีทุนทรัพย์ 160,000 บาท ยังโต้แย้งกันอยู่ว่ามีทุนทรัพย์เท่าใดแน่ศาลชั้นต้นพิพากษาไปก่อนเช่นนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า เมื่อจำเลยค้านเรื่องราคาทรัพย์พิพาท ศาลชั้นต้นสั่งนัดพร้อมเพื่อสอบถามคู่ความตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2520 ซึ่งเป็นวันนัดพร้อมศาลเห็นว่าราคาทรัพย์พิพาทซึ่งเป็นห้องแถวไม้ โจทก์แถลงราคาเป็นเงิน120,000 บาท เป็นราคาพอสมควรไม่ฟังคำแถลงค้านของจำเลย ไม่ต้องเรียกค่าขึ้นศาลเพิ่ม ถือว่าราคาทรัพย์พิพาทยุติแล้ว ส่วนค่าขึ้นศาลที่ขาดอยู่ศาลชั้นต้นสั่งก่อนอ่านคำพิพากษาในวันที่ 28 ธันวาคม 2519 ว่าให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลตามราคาทรัพย์สินที่พิพาทมาชำระเสียให้ครบถ้วน มิฉะนั้นศาลจะไม่ออกคำบังคับให้ ต่อมาโจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระตามที่ศาลสั่ง ถือได้ว่ามีการเรียกค่าฤชาธรรมเนียมก่อนพิพากษาแล้ว”
พิพากษายืน