คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 713/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในฟ้องอุทธรณ์มีชื่อจำเลยเป็นผู้ยื่น แต่ในท้ายอุทธรณ์ทนายเป็นผู้ลงชื่อ อุทธรณ์นั้นศาลชั้นต้นสั่งรับแล้วฉะนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าทนายจำเลยไม่มีอำนาจลงชื่อแทนจำเลยในฟ้องอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะต้องคืนคำคู่ความไปให้ทำมาใหม่ให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา18 จะยกอุทธรณ์จำเลยเสียทีเดียวหาได้ไม่
การที่ศาลอุทธรณ์ยกอุทธรณ์จำเลยทุกคนโดยอ้างว่าทนายจำเลยไม่มีอำนาจลงชื่อในอุทธรณ์แทนจำเลยนั้นเป็นเหตุในลักษณะคดีแม้จำเลยเพียงคนเดียวฎีกาขึ้นมาศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยทุกคนได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันปล้นทรัพย์ จำเลยเคยต้องโทษพ้นโทษไม่เกิน 5 ปี ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษ

จำเลยให้การปฏิเสธ ส่วนข้อต้องโทษและพ้นโทษรับว่าเป็นจริง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดดังข้อหา ให้ลงโทษ เมื่อเพิ่มโทษและลดโทษแล้วดังนี้คือจำคุกนายอาน นายท่อน จำเลยคนละ12 ปี จำคุกนายปรีดำ นายแสน คนละ 8 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าใบแต่งทนายมีรอยขีดฆ่าตกเติมไม่มีลายมือชื่อกำกับ ทนายจำเลยลงชื่อในอุทธรณ์โดยไม่มีสิทธิที่จะอุทธรณ์แทนจำเลยได้ พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของทนายจำเลยซึ่งลงชื่อแทนจำเลยทั้ง 4 เสีย

จำเลยที่ 1 ผู้เดียวฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องอุทธรณ์ที่จำเลยยื่นโดยมีทนายลงชื่อในท้ายอุทธรณ์แทนจำเลยทั้ง 4 นั้น ศาลชั้นต้นสั่งรับแล้วเมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นฟ้องอุทธรณ์ที่ไม่สมบูรณ์ก็ควรคืนคำคู่ความนั้นไปให้ทำมาใหม่ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ชั้นนี้ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าใบแต่งทนายของจำเลยทั้ง 4 ที่มอบอำนาจให้ทนายใช้สิทธิในการอุทธรณ์ฎีกาได้นั้นสมบูรณ์หรือไม่กรณีเป็นลักษณะคดีย่อมมีผลตลอดถึงจำเลยที่ไม่ได้ฎีกาด้วย พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้น ให้จำเลยผู้อุทธรณ์ลงลายมือชื่อในท้ายอุทธรณ์แล้วส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดพิพากษาใหม่

Share